รู้ลึกกับจุฬาฯ

เชื่อมระบบสาธารณสุขสู่ร้านยา

เรื่องการกำหนดให้ร้านขายยาเป็นส่วนหนึ่งของระบบบริการสุขภาพ เป็นประเด็นที่มีการพูดคุยกันในสังคมไทยมาโดยตลอด ล่าสุด กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) จะประชุมกันในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อหารือปรับแก้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขปี 2561 โดยจะมีหลักเกณฑ์ใหม่อนุญาตให้ผู้ป่วยสามารถนำใบสั่งยาจากแพทย์ไปซื้อยาที่ร้านขายยานอกโรงพยาบาลได้เพื่อแก้ปัญหาค่ายา

ผศ.ภญ.ดร.รุ่งเพ็ชร สกุลบำรุงศิลป์ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า การนำใบสั่งยาจากแพทย์ไปซื้อยาที่ร้านขายยานอกโรงพยาบาล มีข้อดีหลายประการ คนไข้มีอิสระที่จะตัดสินใจซื้อยาจากร้านขายยา หรือจากห้องยาโรงพยาบาล ขึ้นกับความสะดวกและราคาที่ผู้ป่วยยินดีจ่าย  ในกรณีโรงพยาบาลของรัฐ ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาการแออัดในโรงพยาบาลที่ทำให้คนไข้ต้องรอคิวนาน  การให้คนไข้ไปซื้อยาจากร้านขายยาใกล้บ้าน คนไข้จะมีเวลาพูดคุยและรับคำแนะนำจากเภสัชกรที่ให้บริการที่ร้านขายยาจนแน่ใจว่าใช้ยาได้ถูกต้อง  นอกจากนี้ระหว่างการใช้ยาถ้ามีปัญหาที่ต้องการคำปรึกษา คนไข้ก็สามารถแวะมาขอคำปรึกษาเภสัชกรได้ตลอดเวลา

อาจารย์รุ่งเพ็ชรชี้ว่า ปัญหาที่ผ่านมาของการจ่ายยาคือ คนไข้มาซื้อยาใช้ด้วยตนเอง ไม่ได้ผ่านคำแนะนำของแพทย์ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น ความดัน หรือเบาหวาน มักซื้อยาชนิดเดิมซ้ำๆ โดยไม่ไปพบแพทย์ ขณะที่เภสัชกรเองก็ไม่มีข้อมูลผู้ป่วยว่าใช้ยาชนิดนี้มานานเท่าไร และสมควรใช้ซ้ำ ใช้เพิ่ม หรือต้องมีการปรับปริมาณยาหรือไม่  การนำใบสั่งมาซื้อที่ร้านขายยาจะช่วยให้เภสัชกรมีข้อมูลที่จะให้คำแนะนำได้อย่างเหมาะสม  เนื่องจากผู้ที่มีอาการป่วยโรคเรื้อรังสมควรได้รับการติดตามดูแลเป็นระยะ และต้องมีการดูแลร่วมกันระหว่างเภสัชกรและแพทย์ผู้ให้การรักษา ผู้ป่วยจึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด

“ในต่างประเทศ คนไข้โรคเรื้อรังที่สามารถควบคุมอาการตัวเองได้ไม่มีความจำเป็นต้องไปหาหมอทุกเดือน แต่หมอจะออกใบสั่งยาให้สามารถซื้อยาได้เอง 3 เดือน 6 เดือน แล้วแต่หมอเห็นควร แต่บ้านเราคนไข้จะได้รับยาจากแพทย์หรือโรงพยาบาล ครั้งละ 2-3 เดือน ซึ่งการที่คนไข้ได้ยาไปเก็บไว้ที่บ้านเป็นจำนวนมาก การเก็บรักษาก็ต้องการสถานที่และสภาพการเก็บยา หลายกรณีก็พบว่าไม่เหมาะสม ซึ่งอาจจะทำให้ยาเสื่อมสภาพไม่เหมาะที่จะใช้”

“ถ้าคนไข้สามารถนำใบสั่งยามาซื้อที่ร้านขายยาใกล้บ้าน  เภสัชกรก็จะสามารถทำประวัติและให้คนไข้ซื้อครั้งละ 1 เดือน หรือในจำนวนที่เหมาะสม และมาซื้อเพิ่มในเดือน/ครั้งถัดไปเมื่อยาหมดแล้ว และเมื่อถึงกำหนด เภสัชกรก็สามารถแนะนำหรือเตือนให้คนไข้ไปรับการตรวจจากหมอตามกำหนดนัดในกรณีที่หมอควรทราบข้อมูลการใช้ยาของคนไข้ที่ผ่านมา ก่อนการจ่ายยาครั้งต่อไป เภสัชกรก็สามารถส่งต่อข้อมูลการดูแลการใช้ยาที่ผ่านมาให้หมอได้รับทราบ  จะช่วยให้การรักษาผู้ป่วยมีความต่อเนื่องและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วย”

ขณะนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้มีมติให้ร้านขายยาเป็นหน่วยร่วมบริการและองค์การอาหารและยาได้กำหนดให้ร้านยาต้องปฏิบัติตาม “วิธีปฏิบัติทางเภสัชกรรมชุมชนที่ดี” (Good Pharmacy Practice, GPP) ดังนั้น มาตรฐานและความน่าเชื่อถือของร้านขายยาได้ถูกยกระดับให้สูงขึ้นกว่าเดิมมาก และร้านขายยาต้องมีเภสัชกรประจำร้านเพื่อให้บริการแก่คนไข้

ขณะที่ประกาศของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ที่มีเป้าหมายเพื่อต้องการลดค่ายาที่ผูกในค่ารักษาพยาบาล ก็สามารถแก้ไขได้เช่นกันด้วยการให้ผู้ป่วยสามารถไปซื้อยานอกโรงพยาบาล ผู้ป่วยเองก็จะได้ลดค่าใช้จ่ายของตนเองด้วยเช่นกัน เป็นการแก้ปัญหายาในโรงพยาบาลแพงเกินกว่าที่ควรจะเป็น

ขณะนี้ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ วิจัยพัฒนาระบบเชื่อมต่อข้อมูลการดูแลการใช้ยาของผู้ป่วยระหว่างร้านขายยากับสถานพยาบาล  ในอนาคตจะสามารถรองรับการส่งผ่านข้อมูลระหว่างสถานพยาบาลกับร้านขายยาได้อย่างไม่มีข้อจำกัด

เรากำลังพัฒนาแอปพลิเคชันที่จะช่วยให้คนไข้สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านยา พร้อมบริการของร้านขายยาที่มี เช่น การให้คำปรึกษาเรื่องการใช้ยา การคัดกรองโรคเรื้อรัง บริการเลิกบุหรี่ ฯลฯ และคนไข้สามารถเลือกและนัดเวลาเพื่อรับบริการที่ร้านขายยาได้ตามสะดวก

ระบบบริการที่สามารถให้ผู้ป่วยซื้อยานอกโรงพยาบาล เมื่อมีระบบเชื่อมต่อข้อมูลของผู้ป่วยระหว่างสถานพยาบาลและร้านขายยารองรับ จะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลผู้ป่วย ไม่เฉพาะข้อมูลการสั่งใช้ยาที่คนไข้ได้รับจากสถานพยาบาลที่สามารถส่งต่อมาให้ร้านขายยา แต่ข้อมูลประวัติการซื้อยาที่ผู้ป่วยซื้อใช้เองจากร้านขายยาก็จะสามารถส่งต่อให้แพทย์หรือสถานพยาบาลได้รับทราบด้วยเช่นกัน

กระนั้น ผู้ป่วยเองก็ต้องมีความกระตือรือร้นและความเข้าใจในสุขภาพตนเองเช่นเดียวกัน  แม้ว่าจะมีระบบข้อมูลที่ทำให้เชื่อมต่อประวัติการรักษาผู้ป่วยของคนไข้ แต่ประชาชนคนไทยก็ต้องหมั่นใส่ใจสุขภาพตนเองด้วยเช่นกัน

จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้

ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า