รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
รู้ลึกกับจุฬาฯ
ฉบับวันที่: 18/11/2019 นักวิชาการ: ผศ.ดร.อักษรา พฤทธิวิทยา จากภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
หลังจากมีการก่อตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เมื่อปี 2560 ประเทศไทยเริ่มมีหน่วยงานควบคุมและเป็นหน่วยงานกลางที่จะเชื่อม บูรณาการหน่วยงานต่างๆ เข้าด้วยกัน พร้อมกันนี้ก็มีแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ซึ่งเป็นกลไกสนับสนุนการทำงาน แต่ยังคงต้องอาศัยภาคีด้านการวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อช่วยในการขับเคลื่อน
“สิ่งที่เราต้องการคือ นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการเข้ามาช่วยเหลือ มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน เพราะต้องการให้งานวิจัยสามารถนำไปใช้ได้จริง ถ่ายทอดลงสู่ภาคปฏิบัติหรือในท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ได้” ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กล่าวเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในงานประชุม “Water Diplomacy: where Local Wisdom meets International Excellence” ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เรื่องบริหารจัดการน้ำ โดยนำผลงานวิจัยของจุฬาฯ และบทเรียนจากต่างประเทศมาประยุกต์ใช้สำหรับการจัดการแหล่งน้ำในประเทศไทย
ผศ.ดร.อักษรา พฤทธิวิทยา จากภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในผู้ร่วมนำเสนอผลงานวิจัย กล่าวว่า การร่วมมือกันระหว่าง สทนช. กับจุฬาฯ ถือเป็นความก้าวหน้าทางวงการวิชาการ เพราะเดิมการบริหารจัดการเรื่องน้ำจะถูกแยกส่วนกัน ไม่ได้บูรณาการกันอย่างที่ควรจะเป็น
“การทำงานร่วมกับ สทนช. ซึ่งเป็นองค์กรดูแลน้ำในภาพรวมทั้งหมดทำให้งานวิจัยของเราได้ใช้ประโยชน์ตรงจุด เพราะในทางวิชาการน้ำบริเวณผิวดินและน้ำใต้ดินเราจะแยกกันไม่ได้ ที่ผ่านมาประเทศไทยถือว่าต่างคนต่างทำ การมี สทนช.ทำให้งานวิจัยเราตอบโจทย์การบริการจัดการในภาพรวม วางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด” อาจารย์อักษรากล่าว
เพื่อตอบรับนโยบายการพัฒนานวัตกรรมการบริหารทรัพยากรน้ำ จุฬาฯ จึงทำแบบจำลองแนวทางการจัดการน้ำและนำนวัตกรรมที่สร้างมาจากงานวิจัยมาใช้พัฒนาแหล่งน้ำและชุมชน โดยเน้นตอบโจทย์ 3 ด้าน ได้แก่ 1. ความมั่นคงด้านน้ำ 2. การนำไปใช้เพื่อการอุปโภคและการบริโภค และ 3. การดูแลคุณภาพน้ำ
ตัวอย่างนวัตกรรมที่นำไปใช้ได้จริง ได้แก่ แผนที่แสดงความเสี่ยงการปนเปื้อนของสิ่งปฏิกูลลงสู่แหล่งน้ำ จากน้ำผิวดินลงสู่น้ำใต้ดิน ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่อคุณภาพน้ำ “คำถามของเราตั้งต้นที่ว่า คลองในประเทศไทยทำไมเราไม่ใสสะอาดเหมือนในต่างประเทศ เพราะว่าของเราปนเปื้อนน้ำเสีย ซึ่งน้ำเสียบนดินเหล่านี้เป็นภัยคุกคามต่อแหล่งน้ำใต้ดิน เมื่อแหล่งน้ำใต้ดินมีการปนเปื้อน ก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำของประเทศไทย”
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทีมวิจัยจากจุฬาฯ จึงริเริ่มโครงการแผนที่ความเสี่ยง (Risk Map) ซึ่งชี้ให้เห็นจุดเปราะบาง หรือแหล่งน้ำในสถานที่ที่ต้องการการแก้ไขหรือต้องการการดูแลเป็นพิเศษกว่าจุดอื่นๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการใช้พื้นที่เสี่ยงในการนำน้ำมาใช้ในเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการวางผังเมือง
นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีดาวเทียมมาใช้ในการประมาณการปริมาณน้ำฝนที่จะตกในพื้นที่ และนำมาประมวลเป็นภาพใหญ่ ซึ่งสามารถช่วยวิเคราะห์ปริมาณแหล่งน้ำทั้งใต้ดินและบนดิน เป็นการช่วยเฝ้าระวังและวางแผนป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในแต่ละท้องถิ่น ขณะเดียวกัน ก็สามารถรายงานสถานการณ์ปัญหาของในพื้นที่ไปยังหน่วยงานส่วนกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ความท้าทายหลักที่จะต้องตอบโจทย์ในขณะนี้ คือการบริหารจัดการอุปสงค์-อุปทานเรื่องน้ำให้สมดุล เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยเผชิญกับความเจริญเติบโตของเมือง และการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ทำให้ยากต่อการจัดการ
“ตัวอย่างเช่น เขื่อนที่สร้างมาปัจจุบันนี้ตอบโจทย์ปริมาณฝนที่เกิดขึ้น ณ เวลาในอดีต แต่ปัจจุบันสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ฝนไปตกจุดอื่น เช่น ไปตกท้ายเขื่อนแทน ดังนั้นปริมาณน้ำก็จะไม่เท่าเดิม เราพยายามสร้างวิธีการรับมือบริหารจัดการน้ำที่ต้องคำนึงถึงความเปลี่ยนแปลง ณ ตรงนี้”
ประเด็นสำคัญที่สุดคือภายใต้สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ประเทศจะต้องเตรียมรับมือกับความต้องการใช้น้ำของสังคมในปัจจุบัน ทั้งส่วนการผลิตและการอุปโภคบริโภคอย่างไร “ต้องเข้าใจถึงความต้องการน้ำของประเทศเรา ทั้งการใช้เพื่อยังชีพและการผลิต โดยศึกษาว่าภาคส่วนไหนใช้น้ำมากน้อยเพียงใด เพราะทุกวันนี้เราขับเคลื่อนประเทศด้วยน้ำ เรามีภาคเศรษฐกิจน้ำ แต่เราตระหนักคุณค่าส่วนนี้น้อยมาก และยังปล่อยให้น้ำมีการปนเปื้อนก่อนปล่อยคืนสู่แหล่งธรรมชาติ ตรงจุดนี้คือความท้าทายอันใกล้ และเป็นปัญหาใหญ่ที่เราต้องช่วยกัน” อาจารย์ อักษรากล่าวทิ้งท้าย
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด
คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้