รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
รู้ลึกกับจุฬาฯ
ฉบับวันที่: 23/1/2017 นักวิชาการ: ผศ.ดร.ปารีณา ศรีวนิชย์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ
จากกรณีข่าวของคุณครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือที่รู้จักกันแพร่หลายในนาม “ครูแพะ” ออกมาร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรมและหน้าสื่อมวลชนว่า ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดในคดีขับรถโดยประมาท จนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต แต่กลับต้องโทษจำคุกมากกว่า 1 ปี ก่อนได้รับการอภัยโทษ ทำให้หลายฝ่ายต่างพากันตั้งคำถามว่าเป็นการจับแพะหรือไม่
เพื่อให้ความรู้ในเบื้องลึกแก่ผู้อ่านเกี่ยวกับคดีอาญา ผศ.ดร.ปารีณา ศรีวนิชย์ ผู้ช่วยอธิการบดีและอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า ตามกฎหมายไทย ขั้นตอนการดำเนินคดีอาญาแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ
สำหรับขั้นตอนแรก จะเป็นการทำงานระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการ ด้านพนักงานสอบสวนก็จะสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด ส่วนอัยการจะเป็นฝ่ายพิจารณาว่า หลักฐานที่ได้มามีมูลเพียงพอไหมที่จะส่งฟ้องในชั้นศาล หรือจะสั่งไม่ฟ้องก็ได้ถ้าคิดว่าไม่มีมูลเพียงพอ หรือไม่ใช่ความผิดประเภทอาญา และต้องฟ้องตอนที่คดียังมีอายุความ ซึ่งเริ่มนับตั้งแต่วันเกิดคดี ไปจนถึงวันสิ้นสุดตามความหนักเบาของโทษ
“ที่อยากจะย้ำ คือ พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมหลักฐานทั้ง 2 ด้าน คือ
ผศ.ดร.ปารีณาย้ำ หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องไม่เก็บข้อมูลแต่เพียงฝ่ายเดียวเหตุที่ต้องเป็นเช่นนี้ เพราะกฎหมายไทยยึดแนวคิดตามหลักบัญญัติ Presumption of innocence หรือการสันนิษฐานว่าผู้ต้องหาไม่มีความผิด ดังนั้นผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนเองก็จะได้รับสิทธิในการพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วย
ตัวผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนเองก็มีสิทธิในขั้นสืบสวนด้วยเช่นกัน เช่น
เมื่อตกอยู่ในคดีอาญา แต่ไม่มีทนาย ถามว่าจะไปหาทนายที่ไหน ผศ.ดร.ปารีณาแจ้งว่า ในชั้นสอบสวนเจ้าหน้าที่สอบสวนหรือตำรวจจะต้องบอกสิทธิที่ผู้ต้องหามี และต้องถามด้วยว่าจะมีทนายไหม ถ้าไม่มีแล้วต้องการมี ก็จะต้องจัดหาทนายมาให้ หากไม่แจ้งสิทธิ หรือแจ้งผู้ต้องหาแล้วแต่ไม่จัดหาให้ จะถือว่าพยานหลักฐานที่ได้จะใช้ไม่ได้จนกว่าจะจัดหาทนายให้ก่อน
สิ่งที่ต้องรู้เมื่อโดนหมายจับ ตกเป็นผู้ต้องหาในการให้การในชั้นสอบสวนของคดีอาญา คือ “ทุกครั้งที่มีการสอบปากคำจะต้องมีการบันทึก และจะต้องให้ฝ่ายผู้ต้องหาลงชื่อทุกครั้งว่าบันทึกเป็นไปตามคำให้การไหม จะขอให้เพิ่มก็ได้ หรือจะกลับคำให้การก็ได้แต่ต้องระวัง” ผศ.ดร.ปารีณากล่าว พร้อมกล่าวว่า การให้การในขั้นสืบสวนมีประโยชน์มากสุดกับตัวผู้ต้องหา เพราะถ้าเราไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดจริง อัยการก็อาจไม่สั่งฟ้อง คดีก็จบ ยกเว้นกรณีให้ผู้เสียหายยื่นเรื่องต่อศาลเอง
ถ้ามีการสั่งฟ้อง เรื่องก็จะดำเนินไปชั้นศาล ในขั้นนี้เราไม่เรียกว่าผู้ต้องหาแต่จะเรียกว่าจำเลย ซึ่งก็มีสิทธิเหมือนกับผู้ต้องหาเช่นเดียวกัน เช่น
“คดีต้องมีที่สิ้นสุด” คือสิ่งที่ ผศ.ดร.ปารีณากล่าว เมื่อศาลชั้นต้นมีการตัดสินแล้ว หากจำเลยหรือฝ่ายโจทก์ไม่พอใจผลการตัดสินก็สามารถยื่นอุทธรณ์ไปถึงศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ซึ่งเป็นผู้ชี้ขาดและถึงที่สุดแล้ว ถ้าศาลเห็นว่าไม่มีความผิดหรือหลักฐานไม่พอก็จะยกฟ้อง และได้รับค่าชดเชยในคดีอาญา แต่หากมีความผิดก็จะจำโทษตามคดี
มีบางกรณีที่เกิดการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ แต่ต้องเป็นคดีที่มีการพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยรับโทษไปแล้ว แต่ต้องพบพยานหลักฐาน หรือพยานบุคคลนั้นเป็นเท็จหรือมีหลักฐานใหม่ที่ชัดแจ้งว่าไม่ได้กระทำความผิดโดยอำนาจการรื้อฟื้นจะอยู่ที่ศาลทั้งปวง และหากพิจารณาว่าไม่มีความผิดก็จะได้รับค่าทดแทน
ผศ.ดร.ปารีณาระบุว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลย ถือเป็น “ประธานแห่งคดี” ที่ต้องทำหน้าที่พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์กับฝ่ายศาลซึ่งถือเป็นอำนาจรัฐ การที่ให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ตัวผู้ต้องสงสัยหรือจำเลย นับว่าเป็นการมอบความเท่าเทียมให้ประชาชนมีอำนาจเท่ากับรัฐ เพื่อไม่ให้เกิดการฟังความฝ่ายเดียว ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้
แม้ว่าจะโดนหมายเรียกผู้ต้องหา โดนหมายจับ ก็ยังไม่ได้หมายความว่าจะถูกดำเนินคดี โดยในระหว่างคดีก็มีสิทธิต่างๆ ที่ควรรู้และพึงได้รับ ดังนั้นควรศึกษาขั้นตอนการดำเนินคดีอาญาและสิทธิให้ดี
จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม
รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้