Highlights

พิพิธภัณฑ์พืช จุฬาฯ เก็บรักษาสภาพพันธุ์พืชทั่วไทย คลังความรู้ ต่อยอดยา ไขปริศนาคดีอาชญากรรม

สืบจากพืช พิพิธภัณฑ์พืช จุฬา

ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ให้บริการวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างพืช ตรวจระบุชื่อวิทยาศาสตร์ ทำตัวอย่างพันธุ์ไม้รักษาสภาพ เพื่อต่อยอดการศึกษาและงานวิจัย ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหารและยา ระบุพืชต่างถิ่น ไปจนถึงชี้เป้าหลักฐานในคดีอาชญากรรม


พืชเป็นหลักฐานและฐานข้อมูลสำคัญที่บอกอะไรเราได้มากกว่าที่คิด

ณ พิพิธภัณฑ์พืช ศาสตราจารย์กสิน สุวตะพันธุ์ ตั้งอยู่บนชั้น 4 ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีตัวอย่างพืชในประเทศมากกว่า 20,000 ตัวอย่าง และตัวอย่างผล เมล็ด ผลิตผลจากพืช ทั้งพืชที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน ที่นี่ไม่เพียงเป็นคลังข้อมูลเกี่ยวกับพืชที่เปิดให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมและเรียนรู้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ยังให้บริการตรวจวิเคราะห์ระบุชื่อวิทยาศาสตร์ของตัวอย่างพืชเพื่อใช้ในการศึกษาด้านความหลากหลายของพืช และงานวิจัยเกี่ยวกับการตรวจหาสารสำคัญในพืชเพื่อประโยชน์ทางอุตสาหกรรมยาและอื่น ๆ หรือการตรวจสอบพืชของกลางในงานด้านศุลกากรและงานนิติวิทยาศาสตร์

“สำนักงานตำรวจแห่งชาติเคยนำชิ้นส่วนของพืชที่ติดอยู่ที่กางเกงของผู้ต้องหามาให้เราตรวจสอบว่าคือพืชชนิดไหน ขึ้นอยู่ในพื้นที่จำกัดหรือเปล่า สถานที่มาจากตรงไหน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี  กรมศุลกากรมีการยึดหอมแขกที่ด่าน แล้วส่งมาให้เราตรวจว่าเป็นพืชชนิดใด พันธุ์ใด ตัวอย่างทั้งหมดที่ส่งมาเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่ และสามารถขยายพันธุ์ต่อได้หรือไม่” คุณปริญญนุช กลิ่นรัตน์ เจ้าหน้าที่บริการวิทยาศาสตร์ (ชำนาญการ) ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยกตัวอย่างบริการการตรวจสอบตัวอย่างพืชให้กับหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ

คุณปริญญนุช กลิ่นรัตน์ เจ้าหน้าที่บริการวิทยาศาสตร์ (ชำนาญการ) ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
คุณปริญญนุช กลิ่นรัตน์ เจ้าหน้าที่บริการวิทยาศาสตร์ (ชำนาญการ) ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ

“อีกกรณีเป็นบริษัทที่ส่งออกรถยนต์ไปต่างประเทศ ให้เราตรวจสอบชิ้นส่วนของพืชที่ติดอยู่ที่กระจังหน้ารถว่าเป็นพืชชนิดใดและเป็นพืชต่างถิ่นรุกรานหรือไม่ เพราะต่างประเทศเข้มงวดเรื่องนี้มาก เราต้องถามว่าบริเวณรอบโรงงานมีต้นไม้อะไรขึ้นอยู่บ้าง มีพืชกลุ่มนี้ขึ้นอยู่หรือเปล่า ให้เขาส่งภาพถ่ายประกอบเพื่อจะได้รู้ว่ามีโอกาสเป็นพืชที่อยู่รอบ ๆ และโดนลมปลิวมาติดอยู่ตามรถได้หรือไม่”

พิพิธภัณฑ์พืช ศาสตราจารย์กสิน สุวตะพันธุ์ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยปฏิบัติการวิจัยพรรณไม้ในประเทศไทย ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ตั้งขึ้นในปี 2503 เพื่อรวบรวมตัวอย่างพืชเป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับพืชของประเทศไทย สนับสนุนการเรียนการสอนและการวิจัยด้านความหลากหลายของพืช และในปัจจุบัน คุณปริญญนุชกล่าวว่าพิพิธภัณฑ์ฯ ได้เพิ่มการบริการวิชาการเกี่ยวกับการตรวจวิเคราะห์ระบุชื่อวิทยาศาสตร์ของพันธุ์ไม้อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีภารกิจหลักในการวิเคราะห์และทดสอบตัวอย่างพืช 3 รายการด้วยกัน คือ

  1. การตรวจระบุชื่อวิทยาศาสตร์ของพรรณไม้
  2. การทำตัวอย่างพันธุ์ไม้รักษาสภาพ ทั้งตัวอย่างแห้งและตัวอย่างดอง รวมถึงตัวอย่างอ้างอิง (Voucher specimen)
  3. การเขียนคำบรรยายลักษณะพรรณไม้
พิพิธภัณฑ์พืช ศ. กสิน สุวตะพันธุ์ รวบรวมตัวอย่างพืชมากกว่า 20,000 ตัวอย่าง
พิพิธภัณฑ์พืช ศ. กสิน สุวตะพันธุ์ รวบรวมตัวอย่างพืชมากกว่า 20,000 ตัวอย่าง

หนึ่งในบริการของพิพิธภัณฑ์พืชคือการตรวจระบุชื่อวิทยาศาสตร์ของพรรณไม้ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าในเมื่อเรามีชื่อพืชในภาษาถิ่นแล้ว ทำไมยังต้องระบุชื่อวิทยาศาสตร์ด้วย  

“ในแต่ละประเทศหรือแต่ละท้องถิ่นเรียกชื่อพืชชนิดเดียวกันไม่เหมือนกัน เช่น มะละกอ ภาษาเหนือเรียกว่า มะก้วยเทศ ทางอีสานเรียกว่า หมักหุ่ง ส่วนทางใต้เรียก ลอกอ หรือพืชต่างชนิดกันแต่มีชื่อเรียกเดียวกัน เช่น มีพืชที่เรียกว่าตีนตุ๊กแกอยู่ 4-5 ชนิด ทุกชนิดอยู่คนละวงศ์ คนละชนิดกัน เหล่านี้ทำให้เกิดความสับสนได้ จึงต้องมีชื่อทางวิทยาศาสตร์มากำกับเพื่อความเข้าใจเป็นอย่างเดียวกัน” คุณปริญญนุชกล่าวถึงความสำคัญในการตรวจระบุชื่อวิทยาศาสตร์พรรณไม้

“การให้ชื่อวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องเป็นหลักสำคัญในการนำไปต่อยอดการศึกษาหรือทำวิจัยเกี่ยวกับพืช เช่น นักเคมีได้นำชื่อวิทยาศาสตร์ไปใช้อ้างอิงเพื่อค้นคว้า ตรวจเอกสารงานวิจัยหาสารสำคัญในพืช ทางเภสัชศาสตร์นำไปต่อยอดทำงานวิจัยเกี่ยวกับยาได้ โดยพื้นฐานต้องรู้ชื่อวิทยาศาสตร์ก่อน ถึงจะเอาไปค้นหาต่อว่ามีใครเคยศึกษาพืชชนิดนั้นแล้วบ้าง อย่างไร”

คุณปริญญนุชอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจระบุชื่อวิทยาศาสตร์ของพรรณไม้ว่า ชื่อวิทยาศาสตร์หรือชื่อพฤกษศาสตร์กำหนดให้เป็นเป็นภาษาละติน เป็นชื่อสากลที่รู้จักและใช้กันทั่วโลก โดยมีกฎเกณฑ์การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของพืชซึ่งได้มาจากการประชุมระดับนานาชาติ International Botanical Congress (IBC) และได้รับการตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือที่เรียกว่า International Code of Nomenclature for algae, fungi, and plants (ICN)

ชื่อวิทยาศาสตร์หรือชื่อพฤกษศาสตร์เป็นชื่อสากลที่รู้จักและใช้กันทั่วโลก
ชื่อวิทยาศาสตร์หรือชื่อพฤกษศาสตร์เป็นชื่อสากลที่รู้จักและใช้กันทั่วโลก

“ชื่อวิทยาศาสตร์ของพืชประกอบด้วยคำสองคำ เป็นระบบชื่อที่เรียกว่า binomial nomenclature คำแรกเป็นชื่อสกุล (generic name) คำที่สองเป็นคำระบุชนิด (specific epithet) ตัวอย่างเช่น “เถาวัลย์แดง” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าToxocarpus villosus (Blume) Decne.” คำแรก Toxocarpus เป็นชื่อสกุล คำที่สอง villosus คือคำระบุชนิด ซึ่งอาจจะระบุถึงลักษณะเด่นของพืชหรือสถานที่ที่พบพืชชนิดนั้นๆ ในการเขียนชื่อวิทยาศาสตร์ที่สมบูรณ์จะต้องมีชื่อบุคคลผู้ตั้งชื่อพืชนั้น (author) ต่อท้ายด้วย ดังเช่นตัวอย่าง คือ (Blume) Decne.”

ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ให้บริการวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างพืช ตรวจระบุชื่อวิทยาศาสตร์ ทำตัวอย่างพันธุ์ไม้รักษาสภาพ เพื่อต่อยอดการศึกษาและงานวิจัย ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหารและยา ระบุพืชต่างถิ่น ไปจนถึงชี้เป้าหลักฐานในคดีอาชญากรรม

การเก็บข้อมูลและรวบรวมพืชพันธุ์ไม้ต่าง ๆ มีทั้งภาพถ่าย ภาพวาด แต่ที่ขาดไม่ได้คือการเก็บตัวอย่างจริง ทั้งในแบบตัวอย่างแห้งและตัวอย่างดอง — อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของพิพิธภัณฑ์พืช

การเก็บรักษาสภาพตัวอย่างแห้ง
การเก็บรักษาสภาพตัวอย่างแห้ง

“การทำตัวอย่างพันธุ์ไม้รักษาสภาพเป็นการเก็บรักษาหลักฐานการมีอยู่จริงของพืชพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในธรรมชาติ ผ่านกระบวนการทำให้ตัวอย่างพืชสามารถเก็บไว้เพื่อการศึกษาได้นาน ถ้ามีวิธีเก็บรักษาตัวอย่างในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้นคงที่ ไม่มีแมลงมารบกวน ห้องที่เก็บเป็นระบบปิด ตัวอย่างก็จะสามารถอยู่ได้นานเป็นร้อย ๆ ปี” คุณปริญญนุชกล่าว

อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำตัวอย่างแห้ง เช่น แผงอัด กระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษลูกฟูก กาว ถุงทราย เข็ม และด้าย
อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำตัวอย่างแห้ง เช่น แผงอัด กระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษลูกฟูก กาว ถุงทราย เข็ม และด้าย 

พืชแต่ละตัวอย่างจะถูกเก็บรักษาสภาพแบบแห้งหรือแบบดองนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของลักษณะตัวอย่าง โดยทั่วไปจะใช้เก็บรักษาสภาพแบบแห้ง ส่วนแบบดองมักเป็นตัวอย่างที่อวบน้ำหรือดอกมีลักษณะบอบบาง เช่น กล้วยไม้ เป็นต้น รายละเอียดของข้อมูลตัวอย่างพืชประกอบด้วยชื่อวงศ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ วันที่ สถานที่ที่เก็บ ชื่อไทย ลักษณะต่าง ๆ ที่ไม่สามารถบอกได้เมื่อเห็นแค่ชิ้นตัวอย่าง เช่น ลักษณะวิสัย (ไม้ต้น ไม้เลื้อย ไม้พุ่ม ไม้ล้มลุก) ดอกสีอะไร การมียาง การมีกลิ่น นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับพืชแล้ว ด้านล่างของแผ่นข้อมูลพันธุ์พืชจะมีชื่อพร้อมกับหมายเลขผู้เก็บตัวอย่าง และเลขทะเบียนตัวอย่างที่เก็บเข้าตู้ของพิพิธภัณฑ์พืชด้วย  

การเก็บรักษาสภาพตัวอย่างดอง
การเก็บรักษาสภาพตัวอย่างดอง

“การเก็บข้อมูลแบบนี้ก็เพื่อให้คนที่มาศึกษา เมื่อดูข้อมูลแล้ว ใครที่อยากจะตามไปเก็บตัวอย่างพืช ต้องการเก็บดอกมาสกัดสารต่าง ๆ ก็จะได้รู้ว่าจะสามารถเก็บพันธุ์ไม้ในช่วงไหน เช่น ในแผ่นข้อมูลประจำพันธุ์ไม้ระบุวันที่เก็บตัวอย่าง คือ 23/10/2023 ถ้าผู้วิจัยอยากได้ดอกก็ต้องไปเก็บตัวอย่างในช่วงเดือนตุลาคม ถ้าอยากได้ผลก็ต้องไปล่าช้าอีก 2-3 เดือน”

พิพิธภัณฑ์พืช ศ. กสิน สุวตะพันธุ์ มีตัวอย่างพันธุ์ไม้รักษาสภาพ
ในกลุ่มกล้วยไม้พื้นเมืองที่มากที่สุดในประเทศไทย
พิพิธภัณฑ์พืช ศ. กสิน สุวตะพันธุ์ มีตัวอย่างพันธุ์ไม้รักษาสภาพ
ในกลุ่มกล้วยไม้พื้นเมืองที่มากที่สุดในประเทศไทย

“พิพิธภัณฑ์พืช ศ. กสิน สุวตะพันธุ์ ยังมีบริการการทำตัวอย่างอ้างอิง (Voucher Specimen) ปัจจุบันการจะตีพิมพ์เผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับพืชในวารสารต่าง ๆ จำเป็นต้องระบุตัวอย่างอ้างอิงที่เอามาใช้ในงานวิจัยว่าใช้ตัวอย่างชิ้นไหนมาศึกษาและเก็บรักษาตัวอย่างพืชชนิดนั้นไว้ที่พิพิธภัณฑ์พืชใด และที่พิพิธภัณฑ์พืช ศ. กสิน สุวตะพันธุ์ ก็เป็นพิพิธภัณฑ์พืชที่ได้ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามระบบ Index Herbarium (ระบบที่รวบรวมพิพิธภัณฑ์พืชของโลกที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องแล้ว) และใช้ชื่อย่อว่า BCU เมื่อผู้วิจัยนำพืชไปใช้ต่อในงานวิจัยจะมีแหล่งอ้างอิงว่าได้เก็บรักษาตัวอย่างพืชนั้น ๆ ไว้ที่ BCU” 

คุณปริญญนุชกล่าวว่าตัวอย่างพรรณไม้ที่นำมาใช้ระบุชื่อวิทยาศาสตร์ต้องมีโครงสร้างที่ใช้ในการสืบพันธุ์ครบถ้วน เช่น พืชกลุ่มไบโอไฟต์ (พืชกลุ่มมอสส์ ลิเวอร์เวิร์ต ฮอร์นเวิร์ต) ต้องมีสปอโรไฟต์ กลุ่มเฟิร์นต้องมีลำต้นใต้ดิน มีใบทั้งที่สร้างและไม่สร้างสปอร์ กลุ่มพืชเมล็ดเปลือยต้องมีใบ โคนเพศผู้ โคนเพศเมีย และกลุ่มพืชดอก ต้องมีใบ ดอก ผล

กล้องจุลทรรศน์สเตอริโอ (Stereo Microscope) หรือ Dissecting Microscope เครื่องมือที่ใช้ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างพืช
กล้องจุลทรรศน์สเตอริโอ (Stereo Microscope) หรือ Dissecting Microscope เครื่องมือที่ใช้ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างพืช

“พอได้ตัวอย่างพืชแล้ว เราก็จะศึกษาลักษณะทางสัณฐานวิทยาโดยละเอียด โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ สเตอริโอ (Stereo Microscope) หรือ Dissecting Microscope เช่น ใบก็ต้องดูว่ารูปร่างเป็นอย่างไร ใบเดี่ยวหรือใบประกอบ ใบเรียงตัวบนกิ่งอย่างไร ปลายใบ โคนใบ ขอบใบเป็นอย่างไร ผิวใบมีขนหรือไม่ ดอกก็ดูว่าดอกเดี่ยว ดอกช่อ ดอกสมบูรณ์เพศหรือไม่ กลีบดอกเชื่อมหรือกลีบดอกแยก กลีบเลี้ยงมีกี่กลีบ กลีบดอกมีกี่กลีบ เกสรเพศผู้จำนวนเท่าไร เรียงตัวอย่างไร เกสรเพศเมียมีกี่อัน รังไข่อยู่ตรงไหน ข้างในมีกี่ช่อง มีโอวุลจำนวนเท่าไร เป็นต้น” คุณปริญญนุชอธิบายขั้นตอนในกระบวนการตรวจระบุชื่อวิทยาศาสตร์และเขียนบรรยายลักษณะพรรณไม้

หนังสือทางอนุกรมวิธานพืชเพื่อใช้การตรวจวิเคราะห์ระบุวงศ์ สกุล และชื่อของพืช
หนังสือทางอนุกรมวิธานพืชเพื่อใช้การตรวจวิเคราะห์ระบุวงศ์ สกุล และชื่อของพืช

“หลังจากนั้นก็ใช้เอกสารทางอนุกรมวิธานพืชในการตรวจระบุวงศ์ หาสกุล และหาชื่อชนิดของพืช บางทีหนังสือที่เรามีก็ไม่ได้ครอบคลุมพันธุ์ไม้ทุกชนิด เราอาจจะต้องนำพันธุ์ไม้ไปตรวจเทียบกับตัวอย่างของพืชชนิดนี้ที่มีการระบุชื่อวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องไว้แล้วโดยผู้เชี่ยวชาญกลุ่มพืชนั้น ๆ ที่พิพิธภัณฑ์พืชอื่น จึงจะได้รายละเอียดพันธุ์ไม้ และชื่อวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องตามต้องการ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป”

สำหรับภาควิชาพฤกษศาสตร์ จุฬาฯ มีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจวิเคราะห์ระบุชื่อพันธุ์ไม้ครอบคลุม 4 กลุ่ม ดังนี้

  • รองศาสตราจารย์ ดร.รสริน พลวัฒน์ และ อาจารย์ ดร. กานต์ อิ่มวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญพืชกลุ่มไบรโอไฟต์ (มอสส์ ลิเวอร์เวิร์ต ฮอร์นเวิร์ต)
  • รองศาสตราจารย์ ดร.รสริน พลวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญพืชกลุ่มเทอริโดไพต์ (เฟิร์นและกลุ่มใกล้เคียงเฟิร์น)
  • ศาสตราจารย์ ดร. มานิต คิดอยู่ ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มไม้ดอก (โดยเฉพาะวงศ์ Apocynaceae) และนาง
  • คุณปริญญนุช กลิ่นรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ระบุชื่อพืชกลุ่มพืชเมล็ดเปลือย  (สน ปรง แปะก๊วย มะเมื่อย พญาไม้) และกลุ่มไม้ดอก

แม้ว่าในพิพิธภัณฑ์พืช ศ.กสิน สุวตะพันธุ์ จะมีตัวอย่างพืชมากกว่า 20,000 ตัวอย่างแล้ว แต่โลกก็มีพันธุ์ไม้ชนิดใหม่ที่รอให้ค้นพบได้อีกมากมาย ดังเช่นตัวอย่างพืชชนิดใหม่ของโลกที่พบโดยคณาจารย์และบุคลากรของหน่วยปฏิบัติการวิจัยพรรณไม้ประเทศไทย ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งพบมากกว่า 60 ชนิดเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์พืชฯ ตัวอย่างเช่นในปี 2551 ศาสตราจารย์ ดร.มานิต คิดอยู่ ได้พบพันธุ์ไม้ในสกุลโฮย่าชนิดใหม่ และตั้งชื่อว่า Hoya phuluangensis Kidyoo พบที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย

ตัวอย่างต้นแบบของ Hoya phuluangensis Kidyoo ที่ ศ. ดร.มานิต คิดอยู่ พบที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย เมื่อปีพ.ศ. 2551
ตัวอย่างต้นแบบของ Hoya phuluangensis Kidyoo ที่ ศ. ดร.มานิต คิดอยู่ พบที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย เมื่อปีพ.ศ. 2551

ในปี 2554 ศาสตราจารย์ ดร.ทวีศักดิ์ บุญเกิด และคณะพบเฟิร์นชนิดหนึ่งซึ่งยังไม่เคยรู้จักมาก่อน ที่ถ้ำผาสวรรค์ อำเภอผาขาว จังหวัดเลย ได้นำตัวอย่างมาเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์พืชฯ ต่อมา ดร.พุทธมน ผ่องกาย, Dr. Li-Bing Zhang และ รศ.ดร.รสริน พลวัฒน์ ได้นำมาศึกษารายละเอียดและพบว่าเป็นชนิดใหม่ของโลก จึงตั้งชื่อเฟิร์นชนิดนี้ว่า Hypodematium boonkerdii Pongkai, Li – Bing Zhang & Pollawatn ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติกับ ศาสตราจารย์ ดร.ทวีศักดิ์ บุญเกิด ผู้เชี่ยวชาญพืชกลุ่มเฟิร์นที่สุดคนหนึ่งของไทย

ตัวอย่างต้นแบบของ Hypodematium boonkerdii Pongkai, Li – Bing Zhang & Pollawatn เป็นเฟิร์นพบที่ถ้ำผาสวรรค์ อำเภอผาขาว จังหวัดเลย เมื่อปีพ.ศ. 2554 และตั้งชื่อให้เป็นเกียรติกับ ศ. ดร.ทวีศักดิ์ บุญเกิด
ตัวอย่างต้นแบบของ Hypodematium boonkerdii Pongkai, Li – Bing Zhang & Pollawatn เป็นเฟิร์นพบที่ถ้ำผาสวรรค์ อำเภอผาขาว จังหวัดเลย เมื่อปีพ.ศ. 2554 และตั้งชื่อให้เป็นเกียรติกับ ศ. ดร.ทวีศักดิ์ บุญเกิด

“การเจอพืชชนิดใหม่ไม่ได้หมายความว่าเจอแล้วจะได้ตีพิมพ์เลย อาจจะหลายปีต่อมาจึงจะได้ตีพิมพ์ เพราะจะต้องผ่านกระบวนการศึกษาลักษณะสัณฐานวิทยาอย่างละเอียด มีการตรวจเทียบตัวอย่างว่าเป็นชนิดใหม่จริง ซึ่งตัวอย่างพืชชนิดใหม่นี้เราจะเก็บไว้ในซองแดง จัดเก็บแยกต่างหากให้เห็นชัดเจน เนื่องจากเป็นตัวอย่างชิ้นสำคัญ นั่นคือเป็นตัวอย่างต้นแบบ (Type specimen) ที่ใช้บรรยายลักษณะของพืชชนิดใหม่ชนิดนั้น ๆ” คุณปริญญนุชกล่าว

พันธุ์ไม้ล้วนมีที่มา และภาควิชาพฤกษศาสตร์ จุฬาฯ จะเป็นหน่วยงานที่ให้คำตอบนั้น เพื่อการศึกษาวิจัยต่อยอด นำไปใช้ประโยชน์ได้ในสังคมต่อไป

พิพิธภัณฑ์พืช ศาสตราจารย์กสิน สุวตะพันธุ์ เวลาทำการ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น. ปิดวันหยุดนักขัตฤกษ์ ไม่เสียค่าเข้าชม

ผู้ที่สนใจใช้บริการติดต่อได้ที่ https://www.botany.sc.chula.ac.th/?page_id=1638 หรือติดต่อโดยตรงที่หน่วยปฏิบัติการวิจัยพรรณไม้ประเทศไทย และพิพิธภัณฑ์พืช ศ. กสิน สุวตะพันธุ์ ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ โทร 02 218 5502 (คุณปริญญนุช)

ค่าตรวจระบุชื่อวิทยาศาสตร์พรรณไม้ 200 – 3,000 บาทต่อตัวอย่าง (ขึ้นอยู่กับความยากง่าย หน่วยงานภายในจุฬาฯ หน่วยงานราชการนอกจุฬาฯ และหน่วยงานเอกชน) ใช้เวลาในการวิเคราะห์ 7-30 วัน ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของตัวอย่าง

ข้อมูลอ้างอิงhttps://www.chula.ac.th/museum/763/

Information Box


เห็ดเป็น “รา” ที่เรารู้จักมากที่สุด และหลายคนก็ชอบกินเสียด้วยเนื่องจากติดใจรสชาติและคุณประโยชน์ แต่ก็มีเห็ดหลายชนิดเช่นกันที่มีพิษอันตราย

ราเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก มีหลายชนิด ทั้งที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และที่เรามองไม่เห็น มีทั้งกลุ่มที่มีประโยชน์ เช่น ช่วยให้พืชเจริญเติบโต ช่วยในการย่อยสลาย และกลุ่มที่ทำให้ผลไม้หรืออาหารเน่าเสีย ก่อโรคและทำให้เกิดพิษ การจำแนกและวิเคราะห์ราจะช่วยให้เราใช้ประโยชน์จากราได้ และเลี่ยงโอกาสที่จะรับโทษจากมัน

ปัจจุบัน ห้องวิจัยราวิทยา ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เปิดให้บริการจำแนกราทางอณูชีววิทยาและให้คำปรึกษาในการจำแนกรา

ดร.ปวราย์ ปาจิตร์ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากห้องวิจัยราวิทยากล่าวว่า“ถ้าส่งตัวอย่างรามา เราสามารถบอกได้เลยว่าเป็นราชนิดไหน เห็ดมีพิษหรือเปล่าก็สามารถส่งตัวอย่างมาวิเคราะห์ได้”

อาจารย์ ดร.ปวราย์ ปาจิตร์ จากภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
อาจารย์ ดร.ปวราย์ ปาจิตร์ จากภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ

“ถ้าเรารู้จักราที่ก่อโรคในพืชก็สามารถค้นคว้าข้อมูลต่อได้ว่า รานี้ลักษณะก่อโรคเป็นแบบไหน การแพร่กระจายเป็นแบบไหน เพื่อที่จะหาวิธีป้องกัน กำจัดและควบคุม หรือราที่เราพบอาจจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น ใช้ควบคุมโรคและแมลงศัตรูพืช หรือมีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์ สุดท้ายพอรู้ว่าราที่เราสนใจหรือราที่เป็นปัญหาคือราอะไร ก็ทำให้เราไปค้นคว้าข้อมูลต่อได้”

ขั้นตอนการสกัด DNA
ขั้นตอนการสกัด DNA
ขั้นตอนการสกัด DNA
ขั้นตอนการสกัด DNA

อาจารย์ ดร.ปวราย์ เล่าขั้นตอนการวิเคราะห์จำแนกราด้วยวิธีอณูชีววิทยาว่า“เราจะนำตัวอย่างรามาสกัด DNA คือเอาตัวอย่างรามาบด ใส่สารเคมีและผ่านขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อเอาเฉพาะ DNA ออกมา แล้วใช้เครื่อง Polymerase Chain Reaction (PCR) เพิ่มจำนวนในตำแหน่งเฉพาะ เรียกว่าตำแหน่ง Internal Transcribed Spacer (ITS) จากนั้นจะนำตำแหน่งนี้ไปหาลำดับเบส ATCG พอรู้ลำดับเบสที่อยู่ข้างในเราก็เอาไปเทียบกับฐานข้อมูลว่าใกล้เคียงกับราอะไร ทำให้รู้ว่าตัวอย่างเป็นราชนิดใด”

เครื่อง Polymerase Chain Reaction (PCR) เพิ่มจำนวน DNA ในตำแหน่งเฉพาะ
เครื่อง Polymerase Chain Reaction (PCR) เพิ่มจำนวน DNA ในตำแหน่งเฉพาะ

การวิเคราะห์ผลใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์ “บริการของเราเป็น one stop service ขอแค่มีตัวอย่างเชื้อมาก็พอ เราทำให้ได้ทุกอย่าง” อาจารย์ ดร.ปวราย์ กล่าวทิ้งท้าย 

ผู้สนใจใช้บริการสามารถติดต่อได้ที่ https://www.botany.sc.chula.ac.th/?page_id=2455

ค่าบริการจำแนกรา ด้วยเทคนิคสกัด DNA 3,150 บาท สำหรับหน่วยงานในจุฬาฯ และ 3,500 บาทสำหรับหน่วยงานนอกจุฬาฯ

จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม

รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า