รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
Highlights
24 มิถุนายน 2568
ผู้เขียน รัตนาวลี เกียรตินิยมศักดิ์
อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ จัดคอร์สออนไลน์ “แผ่นดินไหว ธรณีพิโรธที่น่ากลัว” เฝ้าระวังรอยเลื่อนมีพลังในไทย ชี้ชั้นดินเหนียวแอ่งตะกอนกรุงเทพฯ ดูดซับและขยายแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว แนะ Cell Broadcast แจ้งเตือนภัยพิบัติ ลดความสูญเสียในอนาคต
แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ที่มีจุดศูนย์กลางที่เมืองมัณฑะเลย์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ทำให้วันธรรมดาวันหนึ่ง – ศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 กลายเป็นวันที่โลกไม่ลืม โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครที่รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน อาคารสูงหลายแห่งไหวเอน เกิดรอยแตกร้าว รวมถึงโศกนาฏกรรมตึกถล่มที่ฝังหลายชีวิตไว้ใต้ซากปรักหักพัง
นับเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่หลายคนกล่าวว่าเป็น “ครั้งแรกในชีวิต” ไม่มีใครคาดคิดว่ากรุงเทพมหานครจะรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้มากขนาดนี้ หลายคนทำตัวไม่ถูก ตั้งตัวไม่ทัน ต่อด้วยคำถามที่ว่าแล้วมันจะเกิดขึ้นอีกไหม ระบบเตือนภัยจะมากี่โมง
“ครั้งนี้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่ทำให้เรารู้ว่าการเกิดแผ่นดินไหวเป็นอย่างไร” ศาสตราจารย์ ดร.ปัญญา จารุศิริ หัวหน้ากลุ่มวิจัยธรณีวิทยาแผ่นดินไหวและธรณีแปรสัณฐาน ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว “เหมือนกับการเกิดสึนามิที่หากเกิดขึ้นอีก เป็นครั้งที่สอง ผมเชื่อว่าคนจะตายน้อยลง ครั้งนี้ที่เกิดแผ่นดินไหว เราโกลาหลกันมาก บางคนสติแตก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่ต่อไป เมื่อเกิดเหตุขึ้นอีก จะมีคนตายน้อยลง เพราะเราตระหนักแล้ว”
แผ่นดินไหวครั้งที่ผ่านมาอาจทำให้หลายคนตระหนกก็จริง แต่จากนี้ไป เราต้องเพิ่มความตระหนัก ความรู้ และมาตรการเตือนภัยและรับมือสถานการณ์ให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากแผ่นดินไหวครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย! “แผ่นดินไหวขนาด 8 กว่าน่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก” ศ. ดร.ปัญญากล่าว
ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว (พ.ศ.2565) ศ. ดร.ปัญญา ได้นำเสนอและเปิดคอร์สออนไลน์ “แผ่นดินไหว ธรณีพิโรธที่น่ากลัว” บนแพลตฟอร์ม CHULA MOOC เพื่อให้นิสิตและประชาชนผู้สนใจทั่วไปสามารถสมัครเข้าเรียนได้ฟรี โดยเนื้อหาในคอร์สมี 12 เรื่องครอบคลุมสาระตั้งแต่แผ่นดินไหวเกิดจากอะไร รอยเลื่อนมีพลังคืออะไรการประเมินพื้นที่ในประเทศไทยที่เสี่ยงกับแผ่นดินไหว ตลอดจนแนวทางปฏิบัติก่อนเกิดแผ่นดินไหว ขณะเกิดแผ่นดินไหว และหลังเกิดแผ่นดินไหว เป็นต้น
“รอยเลื่อนเหมือนยักษ์หลับ เมื่อไรที่ยักษ์ตื่นขึ้น ความสูญเสียและความโศกเศร้าจะมาเยือน”
ศ. ดร.ปัญญา อธิบายว่ารอยเลื่อนคือรอยแตกที่มีการเคลื่อนที่ จนทำให้เกิดแผ่นดินไหว โดยทั่วไป มีการแบ่งรอยเลื่อนเป็น 2 ประเภท
“รอยเลื่อนสะกายเป็นรอยเลื่อนมีพลังใหญ่อันดับสองของโลก รองจากรอยเลื่อนซานแอนเดรียส ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และรอยเลื่อนสะกายจัดว่าเป็นรอยเลื่อนี่มีความรุนแรงมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวได้ทุก 80 ปี”
“รอยเลื่อนสะกาย” เป็นรอยเลื่อนมีพลัง ต้นเหตุการเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา รอยเลื่อนสะกายมีความยาว 1,200 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นเส้นตรง ลากยาวตั้งแต่ตอนเหนือของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ไล่ไปตอนกลางประเทศ เลื้อยไปถึงเมืองบาโก ย่างกุ้ง จนถึงอ่าวเมาะตะมะ
“รอยเลื่อนสะกายประกอบด้วยอยเลื่อนย่อย 5 ท่อน ครั้งที่ผ่านมาเกิดขึ้นบริเวณมัณฑะเลย์ แต่มันอาจจะเกิดซ้ำได้อีกกับท่อนอื่น ๆ โดยไม่ต้องรอไปอีก 80 ปี เพราะเคยเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวตามท่อนต่าง ๆ ของรอยเลื่อนสะกาย เช่น ปี ค.ศ.1939 (พ.ศ. 2482) ก็เคยเกิดแผ่นดินไหวบนรอยเลื่อนสะกายทางตอนใต้และทางตอนเหนือก็เคยเกิดขึ้น แต่คนละช่วงปีกัน”
ศ. ดร.ปัญญา กล่าวว่าจุฬาฯ ได้ร่วมมือกับกรมทรัพยากรธรณีในการทำวิจัย และมีส่วนช่วยจนทำให้ได้แผนที่รอยเลื่อนมีพลังของประเทศไทย ซึ่งแผนที่ “รอยเลื่อนมีพลัง” ตามที่กรมทรัพยากรธรณี ได้ประกาศอย่างเป็นทางการมี ทั้งหมด 16 รอย ได้แก่ กลุ่มรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย, กลุ่มรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์, กลุ่มรอยเลื่อนเถิน, กลุ่มรอยเลื่อนปัว, กลุ่มรอยเลื่อนพะเยา, กลุ่มรอยเลื่อนเพชรบูรณ์, กลุ่มรอยเลื่อนเมย, กลุ่มรอยเลื่อนแม่จัน, กลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา, กลุ่มรอยเลื่อนแม่ลาว, กลุ่มรอยเลื่อนแม่อิง, กลุ่มรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน, กลุ่มรอยเลื่อนระนอง, กลุ่มรอยเลื่อนเวียงแหง, กลุ่มรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และกลุ่มรอยเลื่อนอุตรดิตถ์
“ในจำนวนรอยเลื่อนทั้ง 16 แห่ง มี 2 รอยเลื่อนใหญ่อยู่ในภาคใต้ ส่วนในภาคตะวันตกมีประมาณ 2-3 รอยเลื่อน ส่วนใหญ่รอยเลื่อนมักปรากฏในภาคเหนือ หมายความว่าโอกาสเกิดแผ่นดินไหวในภาคเหนือมีมากกว่าภาคตะวันตกและภาคใต้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแผ่นดินไหวในภาคเหนือจะต้องมีขนาดใหญ่กว่าภาคอื่น ๆ” ศ. ดร.ปัญญา กล่าว
ไม่เพียงรอยเลื่อนมีพลังในภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันตก เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ทำการศึกษาและพบรอยเลื่อนมีพลัง ที่เรียก- “รอยเลื่อนท่าแขก” บริเวณชายแดนลาว ตรงข้ามกับจังหวัดนครพนมและบึงกาฬ
“การค้นพบนี้ทำให้แผนที่รอยเลื่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวต้องรวมจังหวัดนครพนมไว้ด้วย ในอนาคตต้องมีการปรับเปลี่ยนข้อมูลในเชิงแผนที่ที่จะทำให้อันตรายจากภัยพิบัติ มีความถูกต้องมากขึ้น”
ศ. ดร.ปัญญา กล่าวว่าการรู้จักว่าในประเทศไทยมีรอยเลื่อนมีพลังอยู่ในบริเวณใดบ้างจะช่วยให้เรารับรู้โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวในบริเวณนั้น ๆ และเตรียมความพร้อมในการรับมือเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวขึ้น
“ข้อมูลนี้หาได้จากกรมทรัพยากรธรณีซึ่งมีแผนที่ขยายรายละเอียด บอกถึงระดับตำบล เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะจะทำให้รู้ว่าเราไปในพื้นที่อันตรายหรือไม่ เช่น รอยเลื่อนแม่จันจะเห็นว่าอยู่ตั้งแต่อำเภอเมืองเชียงรายจนกระทั่งไปถึงอำเภอเชียงแสน ผ่านอำเภอแม่จันด้วย รอยเลื่อนนี้เป็นรอยเลื่อนที่น่ากลัวในหมู่นักธรณีวิทยา รองลงมาจากรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ที่อยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งรอยเลื่อนในไทยเหล่านี้อาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ในระดับ 5–7”
แม้จะอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวราว 1,000 กิโลเมตร ทำไมผู้อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ จึงรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้มากกว่าจังหวัดอื่น ๆ
ศ. ดร.ปัญญา อธิบายว่า “กรุงเทพฯ เป็นแอ่งพื้นที่ต่ำที่ถูกรองรับด้วยตะกอนที่หนามากซึ่งมีชั้นดินเหนียวในระดับลึกประมาณ 20 เมตร พอคลื่นแผ่นดินไหววิ่งมาจากจุดกำเนิด เช่น รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ หรือรอยเลื่อนสะกาย มันจะวิ่งทุกทิศทาง พอมาถึงกรุงเทพฯ พลังที่ได้มาจากคลื่นแผ่นดินไหวนั้นจะถูกดูดซับด้วยดินเหนียวที่อยู่ใต้กรุงเทพฯ แอ่งตะกอนดินเหนียวแผ่ขยายไปปริมณฑล พอกรุงเทพฯ และปริมณฑลรับคลื่นแผ่นดินไหว มันจะเกิดการขยายคลื่นเหมือนเปิดวิทยุให้ดังขึ้น เพราะชั้นดินเหนียวเป็นตัวดูดซับคลื่นแผ่นดินไหว”
ไม่เฉพาะกรุงเทพมหานคร พื้นที่แอ่งตะกอนน่าจะมีอยู่ประปรายในจังหวัดอื่น ๆ ด้วย
“แอ่งตะกอนแบบนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัว เป็นหน้าที่ของนักธรณีวิทยาและธรณีวิศวกรที่ต้องตรวจว่ามีดินแอ่งตะกอนที่มีชั้นดินเหนียวและสามารถขยายคลื่นแผ่นดินไหวได้เป็นเท่า ๆ อีกหรือไม่ เราต้องตระหนักไว้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น แต่อย่าเพิ่งตระหนก” ศ. ดร.ปัญญากล่าว
เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ไม่ว่าจะรุนแรงมากน้อยเพียงใด หนึ่งในความห่วงใยที่ผู้คนมักจะถามถึงคือ “เขื่อนจะแตกไหม”
ศ. ดร.ปัญญา ตอบข้อห่วงใยนี้ว่า “กติกาการสร้างเขื่อนใหญ่ในระดับนานาชาติบอกเลยว่าห้ามสร้างเขื่อนบนรอยเลื่อนมีพลัง นักธรณีที่อยู่ประจำหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมชลประทานที่สร้างเขื่อนขนาดเล็ก ฝายขนาดเล็ก หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยที่เป็นเจ้าของเขื่อน ต้องเช็คอย่างละเอียดว่าเขื่อนไม่ได้ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนมีพลัง!”
“หุบเขายาวๆมักมีรอยเลื่อนอยู่และเป็นจุดที่วิศวกรมักจะเลือกสร้างเขื่อนเพราะเป็นจุดที่ประหยัดค่าก่อสร้างได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่หุบเขาและมีแนวตรงำให้สามารถคำนวณการกักน้ำได้ง่าย แต่อันตรายถ้าหากมีรอยเลื่อนมีพลังอยู่ด้วย ด้วยเหตุนี้ต้องให้นักธรณีวิทยาไปทำการตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเขื่อนวางอยู่ในรอยเลื่อนลักษณะไหน”
อย่างไรก็ตาม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยบอกแล้วว่าเขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนเขาแหลม เขื่อนภูมิพลไม่มีปัญหาเรื่องเขื่อนแตก เพราะไม่ได้สร้างบนรอยเลื่อนที่มีพลัง
หลายคนตั้งคำถามว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา ทำไมจึงไม่มีระบบการแจ้งเตือนล่วงหน้า เรื่องนี้ ศ. ดร.ปัญญา ชี้แจงว่าแผ่นดินไหวแจ้งเตือนได้ในเชิงสถานที่ แต่ไม่ใช่เรื่องเวลาเกิด
“นักธรณีวิทยาแจ้งเตือนในแผ่นที่รอยเลื่อนมีพลังเป็นเส้นสีแดงเพื่อแสดงว่าเป็นพื้นที่อันตรายถ้าเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ หรือมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวขนาดความรุนแรงเท่าไร แต่นักธรณีวิทยาไม่สามารถแจ้งเตือนการเกิดแผ่นดินไหวได้ว่าจะเกิดเมื่อไร”
“เทคโนโลยี Cell Broadcast และเครื่องมือ high tech ต่าง ๆ อย่างเช่นที่ใช้ในประเทศญี่ปุ่น สามารถบอกล่วงหน้าแต่ไม่ได้เรียกว่าพยากรณ์ เราเรียกว่าแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ 4 วินาที ก็สามารถช่วยเหลือคนที่อยู่ในรถไฟใต้ดินให้รีบไปอยู่ในโซนหรือเขตปลอดภัยจากแผ่นดินไหว ช่วยชีวิตคนได้ถึง 40,000 คน”
ศ. ดร.ปัญญา กล่าวว่าระบบเตือนภัย Cell Broadcast สามารถใช้ได้กับพิบัติภัยต่าง ๆ เช่น แจ้งเตือนฝนตกหนัก น้ำท่วม แผ่นดินไหว สึนามิ แผ่นดินถล่ม เป็นต้น
“Cell Broadcast การแจ้งเตือนต้องรีบบอกให้ทันต่อเหตุการณ์ จึงช่วยรักษาชีวิตคนได้ในระดับหนึ่ง ข้อมูลที่จะต้องแจ้งเตือนคือเหตุเกิดที่ไหน ตำบล อำเภออะไร ในกรณีเกิดแผ่นดินไหว ก็ต้องแจ้งว่าแผ่นดินไหวมีขนาดเท่าไร ประชาชนจะได้ระวัง เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ตามภูมิประเทศที่สูงชันก็ต้องระวังเวลาเกิด After Shock หรือแผ่นดินไหวตาม อาจเกิดแผ่นดินถล่มตามมาได้”
ข้อมูลข้างต้นเป็นบางส่วนที่ ศ. ดร.ปัญญา นำเสนอในคอร์สออนไลน์“แผ่นดินไหว ธรณีพิโรธที่น่ากลัว” บนแพลตฟอร์ม CHULA MOOC
“ผมจะพูดถึงวิธีปฏิบัติตัวในขณะที่เกิดแผ่นดินไหว หรือหลังแผ่นดินไหว ก่อนแผ่นดินไหวผมจะพยายามเน้นเรื่องความรู้ทั่วไปว่าต้องรู้จักว่าแผ่นดินไหวไม่ใช่การกระทำของมนุษย์ ส่วนมากเป็นการกระทำอันเนื่องมาจากกระบวนการทางธรรมชาติ”
คอร์สออนไลน์ “แผ่นดินไหว ธรณีพิโรธที่น่ากลัว” มีทั้งหมด 12 บทเรียน คือ
บุคคลทั่วไปสมัครเรียนฟรีได้ที่ https://www.mycourseville.com/?q=onlinecourse/course/51586
สำหรับนิสิตและบุคลากร จุฬาฯ เรียนได้ที่ https://www.mycourseville.com/?q=onlinecourse/course/24100
สมุนไพรไทย “พืชสกุลพลับพลึง – กระชายดำ” ทางเลือกใหม่ยับยั้งความเสี่ยงต่อมลูกหมากโต จากทีมวิจัยจุฬาฯ
ทุน C2F เสริมพลังจุฬาฯ สร้างผลงานวิชาการและงานวิจัย ขึ้นแท่นมหาวิทยาลัยระดับโลก
จุฬาเวิร์ส โลกเสมือนจริงแห่งการเรียนรู้ ตั้งเป้าแพลตฟอร์มชั้นนำรวบรวม Immersive Learning
MICROCAP เครื่องผลิตออกซิเจนจากจุลสาหร่าย กำจัด CO₂ เติมอากาศบริสุทธิ์ในอาคาร
วัคซีนไอกรนรุ่นใหม่ ลดขนาด ประสิทธิภาพคงเดิม ความสำเร็จของแพทย์ไทยเพื่อประชากรกลุ่มเสี่ยง
ภาควิชานาฏยศิลป์ จุฬาฯ พร้อมสร้างศิลปินนักวิชาการ อนุรักษ์-สร้างสรรค์-วิจัย เสริมพลังเศรษฐกิจในโลกดิจิทัลด้วย Soft Power
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด
คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้