รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
Highlights
17 พฤศจิกายน 2568
การนวดแผนไทย หรือที่รู้จักกันอีกชื่อคือการนวดแผนโบราณ เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นและเป็นส่วนหนึ่งของศาสตร์การแพทย์แผนไทยที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นวิธีการอย่างหนึ่งเพื่อดูแล รักษา รวมถึงบรรเทาอาการต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้น
สันนิษฐานกันว่า จุดเริ่มต้นมาจากวิชาแพทย์ของท่านชีวโกมารภัจจ์ แพทย์หลวงของพระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งคาดว่าได้รับการถ่ายทอดวิชานี้จากประเทศอินเดียพร้อมกับการเผยแพร่พุทธศาสนาและประเพณีวัฒนธรรมเข้ามาสู่ประเทศไทย และยังคงสืบทอดต่อ ๆ กันมาในหลายร้อยปี ซึ่งก็มีการปรับเปลี่ยนวิธีการนวดต่าง ๆ จนกลายมาเป็น “นวดแผนไทย” ที่มีการเรียนการสอนและปฏิบัติกันอยู่ในทุกวันนี้
โดยพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดและมีการพูดถึงการนวดแผนไทย คือ ศิลาจารึกในสมัยสุโขทัยของพ่อขุนรามคำแหง ขุดพบเจอที่โบราณสถานวัดป่ามะม่วง และในสมัยกรุงศรีอยุธยาก็มีหลักฐานจากจดหมายเหตุของราชทูตลาลูแบร์ ประเทศฝรั่งเศส ที่ได้บันทึกเรื่องหมอนวดไทยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชว่า “ในกรุงสยามนั้นถ้าใครป่วยไข้ลงก็เริ่มให้ยืดเส้นยืดสาย โดยให้ผู้มีความรู้ความชำนาญทางด้านนี้ขึ้นไปใช้เท้าเหยียบ และกล่าวกันว่าหญิงมีครรภ์มักใช้ให้เด็กเหยียบเพื่อให้คลอดบุตรง่ายไม่พักเจ็บปวดมาก (ตามความเชื่อสมัยนั้น)”
ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ มีหลักฐานจากกฎหมายตราสามดวงใน “นาพลเรือน” มีการกล่าวถึงการแบ่งส่วนราชการด้านการแพทย์ให้กรมหมอนวด และเมื่อเกิดเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาให้พม่าถึงสองครั้ง ทำให้ตำรานวดบางส่วนถูกทำลายและเสียหายไป แต่ก็ยังมีหมอกลางบ้านและหมอพระที่อยู่ตามหัวเมืองเป็นจำนวนมาก จึงสามารถมาร่วมระดมความรู้กลับคืนมาได้
ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ทรงโปรดเกล้าให้ปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์ อีกทั้งมีการรวบรวมตำรานวดขึ้นอีกครั้ง และมีการปั้นรูปปั้นฤๅษีดัดตน รวมถึงจารึกตำราไว้ตามศาลารายรอบอุโบสถ ต่อมาสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ได้มีการจัดตั้งวิทยาลัยแพทย์ไทยแห่งแรก คือ วิทยาลัยแพทย์แผนโบราณวัดโพธิ์ และโปรดให้มีการนำมาจารึกลงบนศิลาและประดับไว้ให้ประชาชนได้อ่าน ได้ศึกษาที่วัดโพธิ์จนถึงปัจจุบัน
การนวดแผนไทย คือ ศาสตร์การแพทย์แผนไทยอย่างหนึ่งที่ช่วยในการบำบัดและรักษาโรคต่างๆ ซึ่งในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็มีการแบ่งประเภทการนวดแผนไทยไว้ออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
ความแตกต่างของการนวดแบบราชสำนัก และการนวดแบบเชลยศักดิ์ สามารถสรุปสั้นๆ ได้ดังนี้
การนวดแบบราชสำนัก จะมีความพิถีพิถัน เน้นการรักษาเฉพาะโรคที่ซับซ้อนกว่า และต้องมีความรู้ความเข้าใจในศาสตร์การนวดอย่างลึกซึ้ง
การนวดแบบเชลยศักดิ์ เป็นการนวดที่แพร่หลายในหมู่ประชาชนทั่วไป เน้นการนวดเพื่อผ่อนคลาย หรือรักษาอาการเมื่อยล้าตามร่างกาย เช่น การตึงตามข้อ หรืออาการปวดเมื่อย
FAQ : การนวดแต่ละแบบคืออะไร
FAQ : เทคนิคการนวด
การนวดแผนไทย : ใช้ทั้งมือ แขน ศอก เข่า และเท้าในการนวด เน้นการกด การคลึง การบีบ การดัด การดึง และการประคบ
การนวดอโรม่า : ใช้ฝ่ามือในการนวด ไม่เน้นการลงน้ำหนัก แต่เน้นให้รู้สึกสบายตัว ผ่อนคลาย ลดความอ่อนเพลียและการตึงของกล้ามเนื้อ
การนวดสวีดิช : ใช้นิ้วมือในการนวดและรีดเส้น เน้นการลูบ การบีบ การเคาะ การกด และการเขย่า
FAQ : เหมาะกับใคร
การนวดแผนไทย : ผู้ที่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามร่างกายต่าง ๆ หรือผู้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม
การนวดอโรม่า : ผู้ที่รู้สึกว่ากล้ามเนื้ออ่อนล้า และผู้ที่อยากผ่อนคลายความเครียด รวมไปถึงสาว ๆ ที่อยากบำรุงผิวพรรณให้ดูชุ่มชื่น อิ่มน้ำ ผิวสวย
การนวดสวีดิช : ผู้ที่ไม่ชอบการนวดแบบหนักหน่วง และผู้ที่ทำงานด้วยท่าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เช่น ยืน นั่ง หรืองานที่จำเป็นต้องเดินทั้งวัน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม
การนวดแผนไทยนั้นถือเป็นภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยที่สืบทอดต่อกันมาหลายร้อยปี เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยในการบำบัด ฟื้นฟู และรักษาโรคต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้น และนอกจากที่ช่วยในเรื่องของสุขภาพแล้ว ก็ยังช่วยด้านจิตใจ ให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด และสดชื่นอีกด้วย ซึ่งก่อนที่จะนวดแผนไทยก็ควรศึกษาและตรวจสภาพร่างกายตัวเองก่อนนวดว่าเรานวดได้หรือไม่ เพื่อเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
การมีอายุยืนและมีคุณภาพชีวิต (Longevity and Wellness) เป็นกระแสที่กำลังมาแรง ไม่เพียงเพราะเรื่องนี้เป็นยอดปรารถนาของมนุษย์มาทุกยุคสมัย แต่ปัจจุบัน โลกสมัยใหม่และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเอื้อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ ทั้งความรู้สมัยใหม่และภูมิปัญญาโบราณจากฝั่งตะวันออกและตะวันตก เกิดเป็นงานวิจัย การบริการ และผลิตภัณฑ์มากมาย ที่ส่งเสริมการมีอายุยืนยาวและคุณภาพชีวิต
ประเทศไทยเองก็รุ่มรวยไปด้วยองค์ความรู้ด้าน Longevity อย่างการแพทย์แผนไทย สมุนไพร การนวดประคบ ฯลฯ เป็นการรักษาและป้องกันที่ทำให้คนอายุยืนยาวมากขึ้นกว่าเดิมได้ ศาสตราจารย์ ดร.สถิรกร พงศ์พานิช จากวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงมุ่งมั่นผลักดัน Thai Wellness สู่ระดับสากล จนได้รับการประกาศเกียรติคุณยกย่องเชิดชูเกียรติจากสมาคม UTWA (Universal Thai Wellness Association of Canada) ให้ได้รับรางวัล Legendary Icon Award ในงาน UTWA – World Thai Wellness Championship 2025 ที่ประเทศแคนาดา
“Thai Wellness ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและป้องกันโรค การรักษาองค์รวมอย่างไทยช่วยทำให้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง ส่งผลให้มีอายุยืนยาว การนวดไทยทำให้เราผ่อนคลาย พอเราผ่อนคลายก็สามารถลดความเครียด ความเครียดทำให้คนอายุสั้น ยิ่งนวดเยอะจะทำให้เราผ่อนคลาย มีอายุยืนยาวนาน”
Thai Wellness ไม่เพียงส่งเสริมสุขภาวะ แต่ยังเป็นโอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจชาติด้วย soft power ดังที่เราเห็นชาวต่างชาติจำนวนมากสนใจรับบริการนวดไทย เข้ารับการฝึกอบรมการนวดไทย และในต่างประเทศ เช่น แคนาดา ก็รวมเอาศาสตร์แห่งการนวดไทยเข้าไปการให้บริการในระบบประกันสังคมอีกด้วย
Thai Wellness คือแนวความคิดที่นำเอาแพทย์แผนไทยมาใช้บำบัดดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ผสมผสานทั้งแพทย์แผนไทย นวดไทย รวมถึงการใช้สมุนไพรไทยมาใช้ ได้ผลจริงตามหลักวิทยาศาสตร์ และความใส่ใจในบริการทำให้ Thai Wellness แตกต่างและโดดเด่นจากการรักษาอื่น ๆ
ศ. ดร.สถิรกร กล่าวว่า “แพทย์แผนไทยใช้หลักธรรมชาติในการวินิจฉัยโรค มีการรักษาและวิเคราะห์ในองค์รวมก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นและเจาะลึกลงไปในแต่ละส่วนของร่างกาย เช่น ถ้าต้องใช้การนวดบำบัดก็จะต้องวิเคราะห์อีกครั้งว่าจะนวดแบบดัดตนหรือจะกดจุดเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของเลือด”
“ถ้าต้องใช้ยาสมุนไพรรักษา เรามีตำรับพื้นฐานของเวชศาสตร์ไทยสามารถอ้างอิงได้ ปัจจุบันมีการศึกษาทำให้เป็นวิทยาศาสตร์สามารถใช้อ้างอิงได้และใช้สมุนไพรในสัดส่วนที่ถูกต้องด้วย สมุนไพรที่สกัดออกมา มีการศึกษาใช้สารนี้จำนวนเท่าไร เพื่อรักษาอะไร มีการบันทึกเป็นข้อมูลและอ้างอิง เช่น สารสกัดจากฟ้าทลายโจรแก้อาการหวัด อาการอักเสบได้ตามหลักวิทยาศาสตร์”
การนวดแผนไทยไม่ได้เป็นการรักษาอย่างเดียวแต่ยังเป็นการป้องกันโรคได้ด้วย ศ. ดร.สถิรกร กล่าวว่า “ผู้ใช้บริการมานวดก่อนที่จะเจ็บปวดและให้รักษาการนวดสามารถผ่อนคลายได้ หมอนวดที่เก่ง ๆ สามารถทำให้โรคต่าง ๆ ที่เป็นอยู่หายไปหรือบรรเทาได้”
“การนวดแผนไทยเป็นที่ยอมรับในสากล เจ้าของสปาในต่างประเทศบอกว่าแขกส่วนใหญ่มาใช้บริการแล้วติดใจและมาซ้ำ เพราะการเจ็บปวดหายและได้รับการผ่อนคลาย การนวดช่วยผ่อนคลาย ในประเทศแคนาดาให้ความสำคัญกับการนวด ประกันสังคมของประเทศเขารวมการนวดเข้าไปด้วยเพราะรัฐถือว่าเป็นการรักษาและป้องกัน”
ศ. ดร.สถิรกร กล่าวว่า การที่ Thai Wellness จะก้าวสู่ระดับสากลได้นั้น จำเป็นต้องได้รับรองจากมาตรฐานสากล วิธีการนวดต้องมีงานวิจัยรองรับ ซึ่งปัจจุบันก็สามารถอ้างอิงได้
“เราต้องสร้างมาตรฐานการบริการ อบรมทักษะของบุคลากรให้สอดคล้องกับแนวทางสากล คือ ความสะอาด สถานที่ การรู้จักร่างกายสรีระร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า เช่น รู้ว่าข้อต่อเชื่อมโยงกับเส้นประสาทอะไรบ้าง ถ้ารู้แบบนั้นและเชื่อมโยงกับทักษะที่เรามีจะเป็นทั้งการรักษารวมถึงป้องกันโรค และเป็นสาเหตุที่รัฐบาลแคนาดายอมรับการนวดของเรา”
ที่สุดแล้ว ศ. ดร.สถิรกร กล่าวว่า “การนวดของไทยสามารถผสมผสานกับ Soft Power อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะและวัฒนธรรมต่าง ๆ เป็นต้นว่าการจัดบรรยากาศสถานที่นวด ให้ผู้รับบริการได้สัมผัสวัฒนธรรมไทยหลายรูปแบบ เช่น กลิ่นหอมจากดอกไม้ไทย ฟังเพลงไทย เหล่านี้เป็นการต่อยอดและส่งเสริม Soft Power ได้”
ปัจจุบัน AI แย่งอาชีพจากมนุษย์ได้หลายอาชีพ แต่ AI ไม่สามารถนวดแผนไทยได้ แรงกด น้ำหนัก เทคนิควิธีการนวดยังต้องอาศัยความชำนาญและทักษะที่ได้เล่าเรียนมา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ศาสตร์ด้านการแพทย์แผนไทยที่ยังคงอยู่ในทุกยุคสมัย
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.chula.ac.th/news/263401/
ER-VIPE เกมจำลองสถานการณ์ห้องฉุกเฉิน ฝึก Soft Skills นิสิตแพทย์ พร้อมช่วยชีวิตผู้ป่วยทันกาล
Molly Ally ไอศกรีมจากพืช เริ่มธุรกิจด้วย Passion พัฒนาสินค้าจาก Pain Point
อักษรฯ จุฬาฯ เปิดสอนรายวิชา “Dracula and Modern Culture” จากวรรณกรรมสยองขวัญสู่กระจกสะท้อนวัฒนธรรมร่วมใหม่
Deep GI ปัญญาประดิษฐ์ชี้ตำแหน่งมะเร็งทางเดินอาหาร เตรียมต่อยอดเป็นธุรกิจ Startup
Zero Formalin น้ำยารักษาสภาพร่างสัตว์ เพื่อห้องเรียนปลอดภัย ไร้ฟอร์มาลิน
จุฬาฯ เปิดโครงการ “ตรวจลำดับสารพันธุกรรมในทารกแรกเกิด” คัดกรองและป้องกันโรคทางพันธุกรรม
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด
คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้