ข่าวสารจุฬาฯ

“สมาร์ทซอลต์” นวัตกรรมเกลือลดโซเดียม ผลงานบัณฑิต MBA จุฬาฯ คว้าเหรียญทองและ Special Award เวที Silicon Valley International Invention Festival 2025 ที่สหรัฐอเมริกา

พัศพงศ์ ชมเชย บัณฑิตปริญญาโทหลักสูตร MBA Chula Executive รุ่นที่ 37 คณะพาณิชศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ คว้ารางวัลเหรียญทองและ Special Award จากเวทีการประกวดนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติ Silicon Valley International Invention Festival (SVIIF) 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 สิงหาคม 2568 ณ Mission City Ballroom, Santa Clara Convention Center, California ประเทศสหรัฐอเมริกา จากผลงานนวัตกรรม “สมาร์ทซอลต์” ปัจจุบันพัศพงศ์เป็นนิสิตปริญญาเอกหลักสูตรวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมผู้ประกอบการ (CUTIP)

Silicon Valley International Invention Festival (SVIIF) 2025 จัดขึ้นภายใต้การรับรองของสมาพันธ์นักประดิษฐ์นานาชาติ (International Federation of Inventors Associations: IFIA) เพื่อเปิดโอกาสให้นักประดิษฐ์และนักนวัตกรรมชั้นนำจากทั่วโลกได้นำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์ งานวิจัย และนวัตกรรม พร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สร้างเครือข่ายความร่วมมือ ผลักดันแนวคิดสร้างสรรค์ และต่อยอดผลงานสู่การพัฒนาเชิงพาณิชย์ ในปีนี้มีผลงานนวัตกรรมที่จัดแสดงกว่า 300 ผลงาน จาก 75 ประเทศทั่วโลก อาทิ ไทย สหรัฐอเมริกา เยอรมัน จีน โครเอเชีย ตูนิเซีย ซาอุดิอาระเบีย ฮ่องกง มองโกเลีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม โมร็อคโค อุซเบกิสถาน กรีซ และนิวซีแลนด์ เป็นต้น
พัศพงศ์ เปิดเผยว่า Silicon Valley International Invention Festival (SVIIF) 2025 เป็นเวทีการประกวดนวัตกรรมระดับนานาชาติ ผู้เข้าร่วมการประกวดต้องนำผลงานมาจัดแสดง ทดลองสาธิต และอธิบายต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายสาขา ทั้งวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี แพทย์ และธุรกิจ ตลอดจนผู้ชมและนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการต่อยอดเชิงพาณิชย์ ซึ่งคณะกรรมการใช้เกณฑ์การพิจารณาอย่างเข้มข้น ทั้งด้าน ความแปลกใหม่ของนวัตกรรม ศักยภาพการใช้งานจริง ผลกระทบเชิงสังคมและสุขภาพ รวมถึงโอกาสต่อยอดทางการตลาด โดยพัศพงศ์ได้นำเสนอนวัตกรรมด้านโภชนาการและอาหารเพื่อสุขภาพ (Nutrition & Health Care) ที่ช่วยลดโซเดียมแต่ยังคงรสชาติความเค็มได้ ภายใต้ชื่อ “สมาร์ทซอลต์” ซึ่งผ่านการคัดเลือกจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ให้เข้าร่วมการประกวดในฐานะผลงานนวัตกรรมที่มีความโดดเด่น

“สมาร์ทซอลต์” ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อมุ่งแก้ปัญหาการบริโภคโซเดียมเกินมาตรฐานของคนทั่วโลก ซึ่งปริมาณการบริโภคโซเดียมที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 มิลลิกรัม แต่ปัจจุบันคนส่วนใหญ่บริโภคโซเดียมสูงถึงประมาณ 5,000-6,000 มิลลิกรัม ซึ่งสูงกว่าที่แนะนำเกือบ 3 เท่า และเป็นการบริโภคแบบไม่รู้ตัว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากภาวะที่เกี่ยวข้องกับโซเดียมสูงกว่า 2.5 ล้านคนต่อปีทั่วโลก
พัศพงศ์ อธิบายถึงลักษณะพิเศษของ “สมาร์ทซอลต์” ว่า ในตลาดปัจจุบันมีผู้คิดค้นโพแทสเซียมคลอไรด์ หรือสารอื่น ๆ ทดแทนโซเดียม ซึ่งมีผลต่อรสชาติอาหารและส่งผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว โดยนวัตกรรม “สมาร์ทซอลต์” ใช้นาโนไคโตซาน (Nano Chitosan) ซึ่งสกัดจากเปลือกกุ้ง หอย และปู มาผสมในปริมาณเล็กน้อยกับโซเดียมคลอไรด์ ทำให้สามารถลดปริมาณโซเดียมได้มากกว่า 50–60% โดยที่ผู้บริโภคยังคงรับรู้รสเค็มได้ใกล้เคียงเดิม รวมทั้งยังสามารถกระตุ้นหน่วยรับรสบนลิ้น และส่งสัญญาณว่าได้รับรสเค็มเท่าเดิม ซึ่งตลอดระยะเวลาการศึกษาวิจัย 6 เดือนที่ผ่านมา ทีมวิจัยได้ทดลองในห้องแล็บและร่วมมือกับร้านอาหารจริง พบว่าสมาร์ทซอลต์สามารถใช้แทนเกลือได้ ทั้งในอาหารและน้ำซุป เช่น ชาบูน้ำดำ โดยยังคงรสชาติและความอร่อยดังเดิม โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ นวัตกรรมนี้จึงจะช่วยให้ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่ต้องจำกัดโซเดียม ยังสามารถรับประทานอาหารได้อย่างมีความสุข

พัศพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อุปสรรคหลักในการคิดค้นนวัตกรรมนี้คือทัศนคติของผู้บริโภคที่เชื่อว่าการลดเค็มเท่ากับลดความอร่อย เพราะความเค็มคือหนึ่งในการกระตุ้นให้เกิดรสชาติอูมามิหรือรสชาติอาหารที่กลมกล่อมและอร่อย แต่สมาร์ทซอลต์สามารถควบคุมโซเดียมได้โดยไม่กระทบต่อรสชาติอาหาร จึงเป็นสิ่งที่เพิ่มโอกาสต่อยอดเชิงพาณิชย์ ทั้งในกลุ่มธุรกิจอาหาร ร้านอาหาร รวมถึงโรงพยาบาลได้อย่างดียิ่ง ปัจจุบันมีการต่อยอดการผลิตในรูปแบบของน้ำซุปชาบูน้ำดำ ที่สามารถซดได้โดยไม่อันตรายต่อสุขภาพ และมีเป้าหมายจะพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเกลือผลึก (คริสตัล) สู่ตลาดภายใน 1 ปี ซึ่งขณะนี้ สมาร์ทซอลต์อยู่ระหว่างกระบวนการจดสิทธิบัตร
“การได้รับคัดเลือกจาก วช. ให้ไปแสดงผลงานในเวทีระดับนานาชาติถือเป็นเกียรติอย่างสูงสุด ซึ่งนวัตกรรมด้านโภชนาการและอาหารเพื่อสุขภาพมีคู่แข่งจำนวนมาก ความโดดเด่นที่ทำให้สมาร์ทซอลต์ได้รับรางวัลเหรียญทอง และ Special Award ในเวที SVIIF 2025 คือการที่นวัตกรรมนี้สามารถช่วยการแก้ปัญหาสุขภาพระดับโลก ตอบโจทย์ปัญหาการบริโภคโซเดียมเกินของประชากรทั่วโลกได้ นวัตกรรมนี้จึงเป็นความภาคภูมิใจที่ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสุขภาพของประชาชนได้จริง ทั้งในมิติการแพทย์ โภชนาการ และธุรกิจอาหาร” พัศพงศ์ กล่าว
นอกจากความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเรียนปริญญาเอกหลักสูตร CUTIP แล้ว การเรียน MBA Executive ที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้พัฒพงศ์พัฒนาความรู้เกี่ยวกับ Business Model ด้าน Strategy Model และการวางกลยุทธ์ด้าน Venture Capital เพื่อช่วยผลักดันนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์
“ขอขอบคุณ ศ.ดร.สนอง เอกสิทธิ์ อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ รศ.ดร.คณิสร์ แสงโชติ และคณาจารย์ในหลักสูตร MBA Executive ที่สนับสนุนองค์ความรู้และแนวทางในการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมจนโครงการประสบความสำเร็จได้ นอกจากนี้นวัตกรรมนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากเชฟ แดเนียล ดุสิต โพธิประสิทธิ์ เจ้าของร้าน Seoul In One และเชฟจากสถาบันสอนทำอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต” พัฒพงศ์กล่าว
พัศพงศ์ ได้ให้คำแนะนำสำหรับนักประดิษฐ์ และนวัตกรรุ่นใหม่ว่า การจะเป็นนวัตกรที่คิดค้นนวัตกรรมออกสู่ตลาดได้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่สามารถเริ่มต้นจากเรื่องเล็ก ๆ ใกล้ตัวที่เรามีความชอบหรือความหลงใหล นวัตกรรมเกิดขึ้นได้จาก New Idea ที่ผสานกับ New Innovation โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในอนาคต อยากให้ลองเริ่มศึกษา ลงมือทำ และมองไปถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพราะบางครั้งแนวคิดของเราอาจไม่เพียงเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง แต่ยังสามารถช่วยชีวิตหรือแก้ปัญหาให้กับผู้คนจำนวนมากได้ เพราะจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ อาจนำไปสู่โอกาสที่ยิ่งใหญ่ในระดับโลก ประเทศไทยต้องการพลังความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ เพื่อผลักดันนวัตกรรมไทยให้ก้าวสู่การต่อยอดเชิงพาณิชย์ในระดับสากล

จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม

รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า