รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
ข่าวสารจุฬาฯ
10 ตุลาคม 2565
ข่าวเด่น, ความภูมิใจของจุฬาฯ, งานวิจัยและนวัตกรรม
ผู้เขียน สุรเดช พันธุ์ลี
หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)เผยความสำเร็จของโครงการวิจัย “การพัฒนาอัลกอริทึมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโคนม” ที่ได้รับการจัดสรรทุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมโคนมไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาโดยSenovate AI สตาร์ทอัพสัญชาติไทย จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ หวังครองแชมป์ส่งออกผลิตภัณฑ์นมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โครงการนี้เป็นการพัฒนากระบวนการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลหรืออัลกอริทึม (Algorithm) จากอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (Activity meter) เพื่อตรวจติดตามและจำแนกการเป็นสัดและพฤติกรรมอื่นๆ ของโคนมด้วยได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ แทนแรงงานคน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคนมของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี โดยนักวิจัยในโครงการประกอบด้วย รศ.น.สพ.ดร.ชัยเดช อินทร์ชัยศรี ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมด้วย น.สพ.พงศนันท์ ขำตา และ ดร.เดวิด มกรพงศ์ บริษัท เสโนเวท เอไอ จำกัด (Senovate AI) สตาร์ทอัพไทยที่ได้รับการสนับสนุนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รศ.น.สพ.ดร.ชัยเดช อินทร์ชัยศรี คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยว่าในปี 2568 ประเทศไทยกำหนดให้มีการเปิดการค้าเสรีสินค้านมและครีม นมผงขาดมันเนย และเครื่องดื่มนมภายใต้ความตกลงการเปิดเสรีทางการค้าไทย-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (TAFTA – TNZFTA) ทำให้อุตสาหกรรมโคนมมีความท้าทายจากการนำเข้าสินค้านมเหล่านี้จำนวนมากจากทั้งสองประเทศ อีกทั้งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมของประเทศไทยกว่า 70-80% เป็นเกษตรกรรายเล็ก มีประสิทธิภาพในการผลิตต่ำและต้นทุนสูงกว่าคู่แข่ง แต่ยังมีโอกาสในการส่งออกผลิตภัณฑ์นมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ต ดริงกิ้ง โยเกิร์ต และนมยูเอชที ไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีอัตราภาษีนำเข้าของประเทศสมาชิกอาเซียนอยู่ที่ 0% และประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย คิดเป็นมูลค่ามากกว่า1 หมื่นล้านบาทต่อปี ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางในการส่งออกผลิตภัณฑ์นมเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากสวิตเซอร์แลนด์ โดยส่งออกไปยังเมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม สิงคโปร์ และฮ่องกง รวมถึงประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่และมีความต้องการสูง หากต้องการให้อุตสาหกรรมโคนมไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต ต้องพยายามเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำนมดิบให้แข่งขันได้ในตลาดโลก
น.สพ.พงศนันท์ ขำตา นักวิจัยซึ่งมีประสบการณ์ในการจัดการฟาร์มโคนมและการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการสุขภาพและจัดการระบบสืบพันธุ์โคนม กล่าวว่าปัญหาเรื่องการผสมพันธุ์และคลอดลูกของโคนมเป็นอุปสรรคที่ส่งผลกระทบและสร้างความสูญเสียต่อทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและอุตสาหกรรมโคนมในฟาร์มทุกประเภทมาอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักมาจากการใช้ทักษะการตรวจประเมินโคจากการใช้แรงงานคน ทำให้ขาดความแม่นยำ และเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย หากโคนมผสมติดช้าจะส่งผลต่อการผลิตน้ำนมจากแม่โค ดังนั้นต้องทำให้โคผสมติดได้เร็วขึ้น แต่ปัญหาการตรวจสอบการเป็นสัดของวัวโดยแรงงานคนนั้นค่อนข้างยาก เพราะส่วนใหญ่โคจะแสดงอาการตอนกลางคืน หากเจ้าของฟาร์มไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนจะทำให้เสียโอกาสในการผสมพันธุ์วัว ประกอบกับสภาพอากาศเขตร้อนชื้นของไทยทำให้โคแสดงอาการเป็นสัดไม่ชัดเจน สังเกตอาการได้ยากยิ่งขึ้น
การใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์ในการจับอาการติดสัด สามารถเพิ่มความแม่นยำได้มากขึ้น ปัจจุบันในประเทศไทยมีบางบริษัทที่นำเซนเซอร์นี้มาใช้ในฟาร์มโคนมขนาดกลางขึ้นไปมากกว่า100 แห่ง ด้วยภาระต้นทุนที่สูง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากอัลกอริทึมของต่างชาติได้รับการออกแบบและพัฒนาตามสภาพอากาศในต่างประเทศ โดยพัฒนามาจากพฤติกรรมของโคนมที่ถูกเลี้ยงในสภาพอากาศเย็น รวมถึงการจัดการคอก การจัดการให้อาหารในไทยก็มีความแตกต่างจากต่างประเทศอย่างสิ้นเชิง เมื่อบ้านเรานำเข้ามาใช้ก็ต้องมาตั้งระบบใหม่ ปรับอัลกอริทึมและซอฟท์แวร์ต่างๆ ในขณะที่เซนเซอร์ประเภทนี้มีราคาสูงแต่การซ่อมบำรุงรักษากลับค่อนข้างยากและต้องใช้ช่างเทคนิคฝึกอบรม ซึ่งเกษตรกรที่อยู่หน้างานอาจจะไม่เข้าใจ ประกอบกับฟังก์ชั่นของระบบใช้ภาษาอังกฤษและมีความซับซ้อนมาก ในบางฟาร์มมีความแม่นยำค่อนข้างต่ำเพียง 50-60% เท่านั้น
“Senovate AI จึงพัฒนาเทคโนโลยีรวมถึงฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ให้อยู่ในบนแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อเกษตรกรของไทยได้ใช้อย่างครบวงจร โดยพัฒนาอัลกอริทึมให้เหมาะสมกับการเลี้ยงโคนมในประเทศไทย โดยเพิ่มเติมข้อมูลความรู้เรื่องการผสมเทียม การรักษาวัวป่วยที่เหมาะกับผู้ประกอบการฟาร์มโคนมในไทยที่เป็นรายเล็กมากถึง 70-80% เซนเซอร์นี้ทำให้เกษตรลงทุนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเซนเซอร์ชนิดอื่นๆ โดยการนำเซนเซอร์ไปติดที่บริเวณคอโคแต่ละตัว และรายงานผลผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ทำให้ไม่จำเป็นต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ” น.สพ.พงศนันท์ กล่าว
ดร.เดวิด มกรพงศ์ CEO Senovate AI กล่าวว่าแพลตฟอร์มนี้จะทำให้เกษตรกรเข้าถึงเทคโนโลยีบริหารจัดการปศุสัตว์ได้ภายในแพลตฟอร์มเดียว โดยพัฒนาจากการเข้าใจพฤติกรรมเกษตรกรและบริบทในประเทศไทย แพลตฟอร์มนี้ไม่ได้ให้บริการในรูปแบบของการขายขาดอุปกรณ์แต่เป็นบริการรายเดือน เช่น การให้บริการติดตั้งฟรี และชำระค่าบริการรายเดือนตามรูปแบบการใช้งาน โดยการบริการอัลกอริทึมนี้อาจจะเริ่มต้นจาก 30 บาทต่อตัวต่อเดือน หากต้องการข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น เช่น ข้อมูลสภาพอากาศ โรคระบาด หรือต้องการสัตวแพทย์ สัตวบาลในพื้นที่เข้าไปดูแลในฟาร์มโคนม ก็จะมีค่าบริการเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจ แบบ Sharing Economy มีการใช้ทรัพยากรที่อยู่ในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงกลุ่มเกษตรกรและการจัดหาอุปกรณ์ เครื่องมือ เวชภัณฑ์ต่างๆ คล้ายกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของโคนม เพื่อซื้อขายสินค้าต่างๆ ในกลุ่ม ทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ในอนาคตจะมีการสร้าง e-learning ภายในแพลตฟอร์มให้กับเกษตรกร สัตวแพทย์ และสัตวบาลเข้ามาเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ พร้อมกับสร้างมาตรฐานการบริการให้ตอบโจทย์เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไทยได้อย่างยั่งยืน
ดร.เดวิด ได้ให้รายละเอียดถึงการตั้งเป้าผลประกอบการจากแพลตฟอร์มดิจิทัลการจัดการฟาร์มวัวนม ว่าจากข้อมูลกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระบุว่า ในปี 2565 คาดว่าจะมีจำนวนโคนมทั้งหมด 765,887 ตัว Senovate AI ตั้งเป้าผู้ใช้เซนเซอร์ติดตามวัวไม่ต่ำกว่า10,000 ตัว ประเมินรายได้ไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาทต่อปีภายในต้นปี 2568 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกรให้หันมาใช้เทคโนโลยีในการตรวจเช็คอาการติดสัด หรืออาการอื่นๆ แทนแรงงานคน หลังจากที่มีผู้ใช้เซนเซอร์เพิ่มมากจะทำให้การพัฒนาอัลกอริทึมแม่นยำมากขึ้น รวมถึงฟังก์ชั่นอื่นๆ เช่น การตรวจเช็ควัวป่วย การตรวจเช็คเซนเซอร์โคหลุดจากคอก การแจ้งเตือนเมื่อโคกำลังใกล้คลอด เป็นต้น ทำให้เทคโนโลยีมีความพร้อมและสมบูรณ์แบบมากขึ้น ซึ่งในอนาคตจะสามารถต่อยอดไปใช้ในการเลี้ยงปศุสัตว์ประเภทอื่นๆ เช่น วัวเนื้อ รวมถึงจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้ เป็นการติดอาวุธให้กับอุตสาหกรรมฟาร์มโคนมทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก้าวสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมภายในปี 2570
“ในอนาคตฟาร์มโคนมในประเทศไทยหากมีการใช้แพลตฟอร์มระบบจัดการฟาร์มวัว ประมาณ 1 แสนตัว หรือประมาณ 20% จากจำนวนโคนมในประเทศไทย จะสามารถสร้างมูลค่าให้กับประเทศได้ 1 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2575 และหากสามารถสร้างฐานการใช้เทคโนโลยีไปสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ Senovate AI จะเป็น Unicorn ด้าน AI Technology ในอุตสาหกรรมเกษตรที่มาจากประเทศไทยเป็นรายแรก” ดร.เดวิด กล่าวในที่สุด
จุฬาฯ จัดงาน Chulalongkorn University’s Open House for International Programs 2025 แนะนำหลักสูตรภาษาอังกฤษของจุฬาฯ สู่การเป็นผู้นำทางการศึกษาระดับนานาชาติ
ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาฯ ปัตตานี คว้ารางวัลระดับชาติ โล่ประกาศเกียรติคุณ “ผู้มีคุณูปการต่อเยาวชนมุสลิมดีเด่นแห่งชาติ” สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ศ.ดร.นพ.นรินทร์ หิรัญสุทธิกุล อดีตรองอธิการบดีจุฬาฯ ได้รับรางวัลบุคคลดีเด่น ประเภทบริหาร ด้านการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2567 จากกระทรวงสาธารณสุข
จุฬาฯ เปิดโครงการอบรมครู “พิพิธภารัต 2567” และพิธีลงนาม MOU ส่งเสริมการสอนภาษาฮินดี
เชิญชวนนิสิตร่วมโครงการประเมินผลการเรียนการสอนออนไลน์ผ่านระบบ myCourseVille ปีการศึกษา 2567
อาจารย์และนิสิตสถาปัตย์ จุฬาฯ ร่วม Workshop กับอาจารย์และนักศึกษา Tokyo Metropolitan University ที่ญี่ปุ่น
อาจารย์และนิสิตภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ร่วม Workshop กับอาจารย์และนักศึกษาจาก Faculty of Urban Environmental Sciences, Tokyo Metropolitan University ประเทศญี่ปุ่น (TMU)
จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม
รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้