รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
ข่าวสารจุฬาฯ
12 มิถุนายน 2568
ข่าวเด่น, ภาพข่าว
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะสัตวแพทยศาสตร์ และโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ จัดงานแถลงข่าว “พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก” เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ณ โพสต์คาเฟ่ สามเสนใน โดยมี ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ เป็นผู้กล่าวเปิดงาน
“พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก” เป็นการเปิดมิติใหม่การดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงด้วยระบบส่งด่วน EMS ส่งต่อยาและเวชภัณฑ์ของสัตว์ให้กลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงผ่านโซลูชันให้บริการ 2 ช่องทาง คือ บริการส่งยาถึงบ้านสำหรับผู้มาใช้บริการที่โรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ และบริการส่งยาถึงบ้านสำหรับผู้ใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ (Televet) เพื่อลดระยะเวลารอคอยในการรอรับยา และลดความแออัดในโรงพยาบาลที่มีผู้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้คาดการณ์ว่าในปี 2568 จำนวนสัตว์เลี้ยงของไทยมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาราว 6% สะท้อนถึงโอกาสเติบโตการขนส่ง ระบบการรักษา และโลจิสติกส์ในกลุ่มดังกล่าว
ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า ความร่วมมือโครงการ ‘พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก’ ครั้งนี้เกิดจากพลังของสององค์กรที่เห็นความสำคัญของการใช้ทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายที่มีอยู่มาผสานกันเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะผู้เลี้ยงสัตว์ที่จะต้องนำสัตว์เลี้ยงไปรับการรักษาและรับยาที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นการลดภาระการเดินทาง ลดค่าใช้จ่ายของเจ้าของสัตว์ หรือการบรรเทาความแออัดของโรงพยาบาลสัตว์
อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวย้ำว่า “มหาวิทยาลัยไม่ควรจำกัดบทบาทเพียงการสอนหรือวิจัย แต่ต้องเป็นแรงผลักดันที่สามารถสร้างระบบนิเวศใหม่ให้กับสังคม ขณะที่ไปรษณีย์ไทยก็แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่คุณค่าที่แท้จริง ที่ไม่เพียงรับส่งพัสดุ แต่สามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบบริการสุขภาพ ที่เท่าเทียมทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นสำหรับประชาชนทุกภูมิภาค และขยายผลไปถึงสัตว์เลี้ยง ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่การอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการและสัตว์เลี้ยง แต่ยังช่วยเปิดประตูให้กับแนวคิดใหม่ ๆ ในการบูรณาการบริการภาครัฐและวิชาการอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการวางรากฐานให้ระบบสุขภาพสัตว์เลี้ยงไทยมีความแข็งแรง คล่องตัว และพร้อมต่อยอดสู่การเป็นโครงสร้างถาวรในระบบสุขภาพสัตว์เลี้ยงของประเทศต่อไป
ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล กรรมการและประธานกรรมการบริหารบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า โครงการ ‘พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก’ ถือเป็นการจับมือครั้งสำคัญระหว่างแบรนด์ระดับประเทศอย่าง “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” และ “ไปรษณีย์ไทย” เป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่มีพลังขับเคลื่อนทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว รวมทั้งมิติสุขภาพสัตว์ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การบูรณาการจุดแข็งของสององค์กรทั้งในด้านเครือข่ายการขนส่งระดับประเทศของไปรษณีย์ไทย และความเชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์ของจุฬาฯ สร้างห่วงโซ่คุณค่าต่อวงการสุขภาพสัตว์ในประเทศ ซึ่งจะไม่เพียงยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยง แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองที่ยังอาจเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพสัตว์ในรูปแบบดั้งเดิม
“โครงการนี้ยังช่วยตอกย้ำให้ ‘ไปรษณีย์ไทย’ ก้าวสู่บทบาทโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพของประเทศ ทั้งจากการเป็นผู้นำการขนส่งพัสดุ การเป็นพันธมิตรด้านสุขภาพที่เชื่อมโยงการรักษา-บริการและเวชภัณฑ์ได้ถึงหน้าบ้าน รวมถึงมาตรฐานการขนส่งที่ไว้วางใจได้ ทั้งยังสะท้อนหน่วยงานสื่อสารและขนส่งของชาติที่ยืนอยู่เคียงข้างคนไทยในทุกมิติ นอกจากนี้ เมื่อโครงการนี้สามารถขยายผลไปยังภูมิภาคอื่น ๆ หรือกลุ่มโรงพยาบาลสัตว์ในเครือข่ายเพิ่มเติม ก็จะยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของไปรษณีย์ไทยในฐานะแบรนด์ที่ขับเคลื่อน Well-being ของสังคมไทยอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันยังสะท้อนบทบาทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะผู้สร้างระบบสุขภาพสัตว์ที่มีมาตรฐาน เข้าถึงได้ และโอกาสต่อยอดไปสู่ระดับนโยบายประเทศต่อไปในอนาคต”
ศ.สพ.ญ.ดร.สันนิภา สุรทัตต์ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ความต้องการและพฤติกรรมการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงในไทยและในภูมิภาคกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะความผูกพันที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยง และการเปลี่ยนแปลงนี้กำลังผลักดันให้เกิดความต้องการผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม บริการที่เน้นสุขภาพ และโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ทั้งนี้ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ จึงไม่ได้มองเพียงการเป็น ‘ผู้รักษา’ แต่พร้อมเดินหน้าสู่การเป็น “ผู้สร้างระบบสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่ดีแห่งอนาคต” ที่มีองค์ประกอบครบทั้งการวิจัย บริการ และการเข้าถึง ความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยครั้งนี้ ถือเป็นโมเดลต้นแบบที่สามารถต่อยอดไปสู่ภาคส่วนอื่น ๆ ได้ในอนาคต ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนสุขภาพสัตว์เลี้ยงไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และตอบสนองความคาดหวังของเจ้าของสัตว์เลี้ยงยุคใหม่ที่มองว่าสัตว์เลี้ยงคือสมาชิกในครอบครัวอย่างแท้จริง
“ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว คณะฯ เห็นโอกาสที่สำคัญในการใช้ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ และความเชี่ยวชาญของคณะฯ มาเสริมความเชื่อมั่นกับเจ้าของและตลาดสัตว์เลี้ยง โดยปัจจุบันมีทรัพยากรที่เพียบพร้อมทั้งโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ ที่ให้บริการทางคลินิกที่ครอบคลุมและเฉพาะทางสำหรับสัตว์เลี้ยงหลากหลายชนิด การดูแลฉุกเฉิน การวินิจฉัยขั้นสูง (CT-Scan, MRI) และคลินิกเฉพาะทาง โดยยังได้รับการยอมรับในฐานะโรงเรียนสัตวแพทย์แห่งแรกและเป็นผู้นำในประเทศไทย และได้รับการยกย่องในระดับโลก ซึ่งสิ่งนี้ตอกย้ำความน่าเชื่อถือทางระบบการรักษาให้กับผู้ใช้บริการทั่วประเทศ” คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นโดยประชาชนส่วนใหญ่นิยมการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว จากปี 2567 ที่ผ่านมาตลาดสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะในกลุ่มบริการรักษาสัตว์มีมูลค่าตลาดสูงถึง 6.64 แสนล้านบาท สำหรับปี 2568 คาดการณ์ว่าจำนวนสัตว์เลี้ยงของไทยมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาราว 6% โดยคิดเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของประมาณ 5.38 ล้านตัว ซึ่งสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ สุนัข และแมว ความร่วมมือกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความเชี่ยวชาญของไปรษณีย์ไทยในด้านการขนส่งด้วยแนวคิด “Parcel Defined Logistics” ที่ออกแบบระบบขนส่งให้เหมาะสมกับสิ่งของทุกประเภท รวมทั้งการขนส่งยาและเวชภัณฑ์ที่ไปรษณีย์ไทยได้เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2555 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วย และโรงพยาบาล ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่ใช้บริการส่งยาและเวชภัณฑ์ผ่านไปรษณีย์ไทยกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ อาทิ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยมีการขนส่งไปแล้วกว่า 2.32 ล้านชิ้น
ดร.ดนันท์ กล่าวถึงบริการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงในครั้งนี้ว่าเป็นการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้บริการที่เป็นคนรักสัตว์ที่มีแนวโน้มจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศไทย โดยจะให้บริการผ่าน 2 ช่องทาง คือ บริการส่งยาถึงบ้านสำหรับผู้มาใช้บริการที่โรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ และบริการส่งยาถึงบ้านสำหรับผู้ใช้บริการผ่านทางออนไลน์ (Televet) เพื่อลดระยะเวลารอคอยในการรอรับยา และลดความแออัดในโรงพยาบาลที่มีผู้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางสำหรับผู้ใช้บริการที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยผสานจุดแข็งของไปรษณีย์ไทยที่มีบริการส่งด่วน EMS การันตีมาตรฐานการจัดส่งภายใน 1-2 วันทำการ ส่งตรงถึงบ้านถึงบ้านด้วยบรรจุภัณฑ์ และวิธีการขนส่งที่เหมาะสมในการช่วยรักษาประสิทธิภาพของยาและเวชภัณฑ์ นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ยังมีเครือข่ายกว่า 50,000 จุด ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คน ที่มีความชำชาญทุกเส้นทาง บริการจัดส่งในอัตราค่าบริการเริ่มต้นเพียง 120 บาทต่อครั้ง”
ด้าน อ.น.สพ.ชัยยศ ธารรัตนะ ผู้ช่วยคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ กล่าวว่า ในมุมของโรงพยาบาลสัตว์มองว่าการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงยุคใหม่ต้องออกแบบให้ครบวงจรตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ทั้งการเข้ารับคำปรึกษาผ่านระบบ Televet การวางแผนการรักษา ติดตามอาการ การสื่อสารกับสัตวแพทย์ ไปจนถึงระบบการส่งยาถึงบ้านที่ปลอดภัยและมีมาตรฐาน ซึ่งโครงการ ‘พี่ไปรฯ ส่งยาสัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก’ ถือเป็นหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่เข้ามาเติมเต็มระบบนี้ให้สมบูรณ์ และทำให้การรักษา – ดูแลสัตว์มีความเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น
“แคมเปญนี้กำลังนำไปสู่โครงสร้างพื้นฐานของ Pet Health Infrastructure ที่เชื่อมต่อบริการสุขภาพสัตว์เลี้ยงทุกขั้นตอนเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ และถือเป็นทิศทางใหม่ของการดูแลสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยตอบโจทย์กลุ่มคนรักสัตว์ในยุคดิจิทัลที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มครอบครัวเมือง พื้นที่ห่างไกล ที่ต้องการบริการสุขภาพที่เชื่อถือได้แต่ไม่จำเป็นต้องพาสัตว์เลี้ยงเดินทางไปยังโรงพยาบาลสัตว์ อีกทั้งยังช่วยเปลี่ยนไลฟ์สไตล์คนไทย ต่อการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่สามารถดำเนินการได้ทุกที่อีกด้วย” อ.น.สพ.ชัยยศกล่าว
จดหมายเปิดผนึกถึงนักศึกษาชาวไทยในสหรัฐอเมริกา
การประเมินการเรียนการสอนออนไลน์ผ่านระบบ myCourseVille ในระบบตรีภาค ภาคการศึกษาที่ 3 ระบบทวิภาค และทวิภาค – นานาชาติภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2567
จุฬาฯ บ่มเพาะนวัตกรรมทางสังคม 17 โครงการ ต่อยอดงานวิจัยสู่นวัตกรรมเพื่อสังคม
เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง จับมือ คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ วิจัยและพัฒนา “โครงการขับเคลื่อนการออกแบบและนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนในประเทศไทย”
ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ชวนแข่งขันบอร์ดเกมชิงรางวัล
ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาฯ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจัดค่ายเสริมสร้างวิรัชมิตร เพื่อพันธกิจสัมพันธ์มหาวิทยาลัยสู่ชุมชนและประชาคมโลก
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้ ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้
ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้