รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
ข่าวสารจุฬาฯ
22 กันยายน 2568
จุฬาฯ ภูมิภาค, ข่าวเด่น, ภาพข่าว
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเครือข่ายจุฬาฯ ฝ่าพิบัติ (Chula Disaster Solution Network : Chula DSN) จัดกิจกรรม “NAN Forum” เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ณ เรือนจุฬานฤมิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสร้างเครือข่ายช่วยเหลือแบบเป็นระบบ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสแห่งความร่วมมือ รวมพลัง ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ โดยมี รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ รองอธิการบดีจุฬาฯ กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักของโครงการ และร่วมเวทีเสวนา
เครือข่ายจุฬาฯ ฝ่าพิบัติ (Chula DSN) เป็นเครือข่ายที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดตั้งขึ้น โดยมีการทำงานผ่าน Chula Digital War Room ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเตือนภัย คาดการณ์สถานการณ์ และระบุพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างแม่นยำ พร้อมประสานงานกับเครือข่ายจิตอาสาในพื้นที่ ล่าสุดได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทางภาคเหนือที่จังหวัดน่าน โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลและการประสานงานในการรับมือกับภัยพิบัติตั้งแต่การเตือนภัยล่วงหน้า การคาดการณ์สถานการณ์ การวางแผนการอพยพ จนถึงการให้ความช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉิน โดยใช้เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการตั้งศูนย์อพยพ
ทั้งนี้ ภายในงาน “NAN Forum” มีการจัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักปฏิบัติ ได้แก่ นักสร้างเกษตรกักตะกอน นักจัดการน้ำอัจฉริยะ นักสร้างเครือข่ายคลังเสบียง นักประสานระดมทรัพยากร นักวิเคราะห์ข้อมูลภัยพิบัติ และนักสื่อสารวิกฤต พร้อมทั้งมีการเปิดตัวโมเดลใหม่ในการฟื้นป่า เช่น กาแฟฟื้นป่าโซลาร์ปั๊ม (ปูทะเลย์อารยอาสา) น้ำดื่มเพื่อการพึ่งตนเองในยามวิกฤต (บ้านขุนน้ำหก) น้ำบริสุทธิ์จากป่าต้นน้ำศรีน่าน เพื่อร่วมฟื้นป่าน่าน
นอกจากนี้ยังมีเวทีเสวนาฟื้นป่าน่าน ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับบทเรียนที่ผ่านมาและโมเดลใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหาป่าน่าน และการเสวนาเรื่องอุทกภัยทางภาคเหนือ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของอาสาสมัครในการแก้ปัญหาน้ำท่วม มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยมีผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ได้แก่ รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ รองอธิการบดีจุฬาฯ คุณกุล ปัญญาวงศ์ คุณชายหลวง ดิษฐะบำรุง อาสาสมัครชาวน่าน ผู้ร่วมก่อตั้ง ศภป.น่าน คุณอเนก แสนซุ้ง ชาวม้ง เจ้าของแปลงเกษตรกักตะกอน คุณณรงค์ฤทธิ์ บุญหนัก ปูทะเลย์อารยอาสา ในโอกาสนี้ เครือข่ายจุฬาฯ ฝ่าพิบัติได้เชิญกลุ่มชาติพันธุ์ต้นน้ำมาออกร้านจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แก่ชาวจุฬาฯ บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก
รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ รองอธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า งาน “NAN Forum” มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และบทเรียนจากโครงการฟื้นฟูป่าน่านที่ดำเนินการมาเป็นเวลา 1 ปี และแสดงผลงานของเครือข่ายเกษตรกรและภาคีที่ร่วมมือกันฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ซึ่งเป็นการถอดบทเรียนร่วมกันของการจัดการภัยพิบัติ โดยมีพื้นที่น่านเป็นตัวอย่างในการจัดการภัยพิบัติที่ไม่ใช่แค่การบรรเทาทุกข์ แต่หมายถึงการไปดูถึงต้นทางของภัยพิบัติเพื่อลดผลกระทบ ลดความรุนแรง ลดความเสียหายอย่างยั่งยืน บทบาทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในโครงการจุฬาฯ ฝ่าพิบัติคือการเป็นแกนกลางในการประสานงานกับภาคีเครือข่าย ให้การสนับสนุนด้านวิชาการและข้อมูล เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างยั่งยืนมากที่สุด จุฬาฯ คาดหวังให้โครงการฟื้นฟูป่าน่านสามารถช่วยลดความเสียหายจากภัยพิบัติ ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ และเป็นต้นแบบสำหรับการจัดการภัยพิบัติในระดับประเทศ
“จังหวัดน่านเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะพิเศษในแง่ของการตั้งถิ่นฐาน โดยมีครบทั้งชุมชนเมืองในที่ราบต่ำที่อ่อนไหวต่อน้ำท่วม พื้นที่ติดเชิงเขาที่อ่อนไหวกับดินถล่ม และชุมชนบนภูเขาสูงที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติต่าง ๆ อย่างมาก ดังนั้นการจัดตั้ง Digital War Room จะเป็นการเปลี่ยนจากการเตือนภัยเมื่อพายุใกล้จะมา เป็นการดูว่าชุมชนควรอยู่ในพื้นที่บริเวณใดที่ไม่อ่อนไหว ซึ่งเรียกว่า Safe Settlement คือการอยู่บนพื้นที่ที่ปลอดภัยตั้งแต่แรก” รศ.ดร.ศิริเดช กล่าว
ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ หนึ่งในคณะทำงานในเครือข่ายจุฬาฯ ฝ่าพิบัติ อธิบายถึงองค์ความรู้ที่ใช้ในการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยว่า การวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยประกอบด้วย 3 ศาสตร์หลัก ส่วนแรกคือภูมิศาสตร์ ซึ่งช่วยให้เรารู้ว่าหมู่บ้านอยู่ในพื้นที่ส่วนไหนของโลก ส่วนที่สองคือธรณีวิทยา ซึ่งจะช่วยบอกลักษณะของภูมิประเทศ เช่น บริเวณที่ราบน้ำท่วม จะไม่ประสบกับปัญหาน้ำแรง แต่จะเกิดปัญน้ำล้นตลิ่ง บริเวณต้นน้ำ จะมีน้ำจะไหลแรงและเร็ว และส่วนสุดท้ายคือสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือ GIS ที่ช่วยให้สื่อสารกับประชาชนได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาวิเคราะห์ความเสี่ยงจะช่วยให้สามารถสร้างแผนที่ความเสี่ยงที่แม่นยำ เมื่อชาวบ้านเข้าใจข้อมูลเหล่านี้ก็จะเกิดความเข้าใจถึงความจำเป็นในการย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย
คุณอาบอำไพ รัตนภาณุ อาจารย์สำนักการประกอบการทางสังคม สถาบันอาศรมศิลป์ กล่าวว่า โครงการฟื้นป่าน่านใช้การมองพื้นที่เป็นลุ่มน้ำ ซึ่งประกอบด้วย 3 จังหวัด คือ น่าน อุตรดิตถ์ และแพร่ เนื่องจากน่านมีปริมาณน้ำ 40% ของแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เป็นพื้นที่สำคัญในการส่งน้ำไปยังปลายน้ำจนถึงกรุงเทพมหานคร ซึ่งจากการดำเนินโครงการจุฬาฯ ฝ่าพิบัติอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 1ปี จึงถือเป็นโอกาสที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และบทเรียนร่วมกัน เมื่อคนต้นน้ำปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรจากพืชเชิงเดี่ยวมาเป็นเกษตรกักตะกอนดินและน้ำ ก็เกิดเป็นผลสำเร็จได้ผลผลิตต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การความสำเร็จของการทำงานจะเกิดขึ้นเมื่อมีการร่วมมือกันของหลายภาคี จึงทำให้สามารถแก้ปัญหาและฟื้นป่าน่านได้จริง ส่งผลให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเกิดรายได้เพิ่มขึ้น สามารถสร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมได้
คุณเอื้อมพร ลอยประดิษฐ์ สถาบันอาศรมศิลป์ เผยถึงความสำเร็จจากการทำงานแบบมีส่วนร่วมว่า โครงการนี้มีการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือโดยการรวมกลุ่มภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชนในการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งการทำงานในช่วงแรกต้องมีการสร้างพื้นที่ในการพูดคุยร่วมกันกับกลุ่มชาติพันธุ์ม้งที่เป็นเกษตรกร ซึ่งชาวม้งมีเครือข่ายทั่วโลก มีการประชุมสามัญม้งทุกปีเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลว่าม้งแต่ละประเทศจะทำอะไรบ้าง เมื่อคณะทำงานสามารถเข้าถึงและสร้างความเข้าใจในการทำงานได้ ความสำเร็จก็เกิดขึ้นเกิดการจับมือกันทุกภาคีเครือข่ายโดยมีเป้าหมายร่วมกัน
ด้านคุณบัณฑิต ฉิมชาติ เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีน่าน กล่าวว่า แนวคิดการจัดการป่าไม้ต้องมีการปรับเปลี่ยนจากเดิมที่มุ่งการใช้แต่กฎหมายเพียงอย่างเดียว มาเป็นการให้ชุมชนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นแนวทางการจัดการต้องร่วมกันทำให้ชุมชนมีอยู่มีกินก่อน และช่วยทุกคนให้มีความสุขในการอยู่กับป่า เมื่อประชาชนได้เห็นถึงประโยชน์โดยตรงที่เกิดจากป่าก็จะเกิดความร่วมมือในการดูแลป่า ตัวอย่างเช่นบ้านขุนน้ำหกซึ่งมีพื้นที่ป่าหลายหมื่นไร่ มีน้ำที่ไหลมาอยู่ในหมู่บ้าน ชุมชนก็เกิดการทำน้ำดื่มขาย ซึ่งคนในชุมชนรับรู้ว่าถ้ามีป่าก็จะมีน้ำ จึงเกิดความร่วมมือร่วมใจในการดูแลป่า ปัจจุบันมีการขยายผลโครงการไปในหลายจังหวัด โดยมีการอบรมเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จนถึงชาวบ้าน รวม 3,000 คน เพื่อให้เกิดความเข้าใจและสามารถดำเนินการต่อจนเกิดผลสำเร็จของโครงการได้
จุฬาฯ – สยามพิวรรธน์ และพันธมิตร ประกาศความสำเร็จหลักสูตร“WORLD CLASS DESTINATION DEVELOPMENT”ต้นแบบการเรียนรู้ ยกระดับบุคลากรไทยสู่มาตรฐานสากล
นิสิตปริญญาเอก CU TIP พัฒนา “หนังสังเคราะห์จากกากกาแฟ”คว้าเหรียญเงินนวัตกรรมนานาชาติเจนีวา ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เชิญชวนคณาจารย์จุฬาฯ รับสมัครหรือเสนอชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม สมาชิกสภาคณาจารย์ จุฬาฯ พ.ศ. 2568 แทนตำแหน่งที่ว่าง
20 ตุลาคม 2568 เวลา 08.00 น. – 24 ตุลาคม 2568 เวลา 17.00 น.
จุฬาฯ เปิดรับสมัคร “นักข่าวพันธมิตร” จากทั่วโลกร่วม Chula Media Fellowship Program 2026 พร้อมรับทุนสนับสนุน
ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาฯ ส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงกบนา ผลลัพธ์เกินคาดได้กบน้ำหนัก 8 ขีดใน 4 เดือน สร้างรายได้ยั่งยืนให้ชุมชน
PMCU จับมือกว่า 40 แบรนด์ดัง จัดงาน “PMCU CAREERS CONNECT” เชื่อมโยงการเรียนรู้สู่ประสบการณ์ทำงานจริง
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้ ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้
ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้