ข่าวสารจุฬาฯ

สหเวชศาสตร์ จุฬาฯ เสริมสร้างสุขภาพชุมชนบ้านครัว แบบบูรณาการ ยั่งยืน และลดความเหลื่อมล้ำ

สหเวชศาสตร์ จุฬาฯ เสริมสร้างสุขภาพบ้านครัวแบบบูรณาการและยั่งยืน สร้างโมเดลดูแลสุขภาพประชาชน ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ

รศ.ดร.อนงค์ ตันติสุวัฒน์ รองคณบดีด้านวิชาการและการศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศ ประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร  คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึง “โครงการสหเวชศาสตร์เสริมสร้างสุขภาพชุมชนบ้านครัวแบบบูรณาการและยั่งยืน” ซึ่งคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า เป็นโครงการที่ตอบสนองพันธกิจของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการร่วมดูแลสังคมให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมาคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ ได้จัดกิจกรรมสหเวชศาสตร์เพื่อชุมชนในพื้นที่อื่น ๆ ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ในปี 2568 ทางคณะได้วางแนวทางเข้าไปดูแลชุมชนในพื้นที่โดยรอบจุฬาฯ เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของคณะและมหาวิทยาลัยที่มุ่งมั่นในการดูแลพื้นที่ข้างเคียง จึงเป็นที่มาของโครงการนี้ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง ณ ชุมชนบ้านครัวตะวันตก (มัสยิดยามีอุลค็อยรียะห์)

รศ.ดร.อนงค์ ตันติสุวัฒน์ รองคณบดีด้านวิชาการและการศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศ ประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร  คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“ชุมชนบ้านครัว ตั้งอยู่บริเวณถนนบรรทัดทอง ถือเป็นชุมชนเมืองที่แม้จะอยู่ใกล้ตัวเมืองอย่างมาก แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีความแออัด จึงทำให้ชุมชนมีความขาดแคลนในเรื่องการเข้าถึงบริการทางด้านสุขภาพ รวมทั้งยังมีผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยเรื้อรังต่าง ๆ รวมไปถึงประชากรแฝงที่ยังไม่ได้ระบุในทะเบียนบ้านจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ ด้วยเหตุนี้ คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ จึงเลือกชุมชนบ้านครัวเป็นพื้นที่ต้นแบบในการพัฒนาโมเดลการดูแลสุขภาพชุมชนแบบยั่งยืนที่จะสามารถนำไปขยายผลสู่ชุมชนเมืองอื่น ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันได้ในอนาคต” รศ.ดร.อนงค์ ในฐานะหัวหน้าโครงการ กล่าวถึงลักษณะของชุมชน

กิจกรรมโครงการสหเวชศาสตร์เสริมสร้างสุขภาพชุมชนบ้านครัวแบบบูรณาการและยั่งยืน
ชุมชนบ้านครัวร่วมรับฟังโครงการฯ เพื่อดูแลสุขภาพประชากรในชุมชนอย่างยั่งยืน

รศ.ดร.อนงค์ กล่าวต่อไปว่า การดำเนินโครงการเป็นการบูรณาการความรู้จากหลากหลายสาขาวิชาของคณะสหเวชศาสตร์ ประกอบด้วย 4 สาขาหลัก ได้แก่ สาขาเทคนิคการแพทย์ ให้บริการตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ รวมถึงการตรวจพิเศษเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ สาขากายภาพบำบัด ให้บริการประเมินสมรรถภาพร่างกายแบบครบวงจร ทั้งความแข็งแรง ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ การทรงตัว และสอนการออกกำลังกายที่ถูกต้อง สาขาโภชนาการและการกำหนดอาหาร ทำการวัดองค์ประกอบร่างกาย ประเมินสัดส่วนร่างกาย และให้คำแนะนำการบริโภคอาหารที่เหมาะสมตามหลักโภชนาการ และสาขารังสีเทคนิค ให้บริการตรวจประเมินความหนาแน่นมวลกระดูก พร้อมคำแนะนำการดูแลสุขภาพกระดูก นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากคณะพยาบาลศาสตร์ ในการประเมินสุขภาพจิต ผ่านโครงการแคร์จิตแคร์ใจ รวมถึงหน่วยปฏิบัติการวิทยาศาสตร์สุขภาพ และศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลที่ร่วมผนึกกำลังเพื่อช่วยกันดูแลสุขภาพของคนในชุมชน

ความพิเศษของโครงการนี้คือการเชื่อมโยงความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภายในจุฬาฯ และหน่วยงานภายนอก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั้งศูนย์บริการสาธารณสุข 2 วัดมักกะสันที่ดูแลพื้นที่บริเวณนั้น มัสยิดในพื้นที่ รวมไปถึงหลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุขของสถาบันพระปกเกล้า โดยมีนิสิต อาจารย์ และบุคลากรสหวิชาชีพเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 301 คน โดยการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ทำให้กิจกรรมของโครงการสามารถให้บริการประชาชนในชุมชนบ้านครัวได้มากถึง 117 คน

“เนื่องจากกิจกรรมที่โครงการจัดขึ้นเป็นกิจกรรมที่อาจจะไม่สามารถตรวจได้ทั่วไปตามโรงพยาบาล ประชาชนที่เข้ามารับบริการจึงประทับใจ ทำให้ผลตอบรับจากโครงการประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ประชาชนต่างก็มีความสุข และมีความต้องการให้จัดโครงการต่อเนื่องมากกว่าปีละครั้ง สิ่งที่ทำให้โครงการนี้แตกต่างจากการให้บริการทางด้านสุขภาพทั่วไปก็คือเป็นการให้บริการประเมินสุขภาพแบบเชิงรุกที่ครบวงจร รวมทั้งให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลทันทีในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นการประเมินสมรรถภาพร่างกาย การตรวจความหนาแน่นมวลกระดูก หรือการให้คำปรึกษาด้านโภชนาการ ซึ่งเป็นบริการที่ประชาชนในชุมชนไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายนัก” รศ.ดร.อนงค์ กล่าวถึงผลการดำเนินโครงการ

สำหรับแผนดำเนินโครงการในอนาคตรศ.ดร.อนงค์เผยว่าโครงการนี้มีการวางแผนดำเนินงานอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งเป็นกิจกรรมใหญ่ที่จัดปีละครั้ง และกิจกรรมย่อยที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปี คณะได้เข้าไปดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะติดเตียง และให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนที่โรงเรียนสอนศาสนา เด็กและเยาวชนเหล่านี้จะนำความรู้ไปบอกต่อผู้ปกครองต่อไป สำหรับกิจกรรมที่จะดำเนินการต่อไป ได้แก่ การลงพื้นที่ตรวจประเมินผู้สูงอายุอย่างเจาะลึก โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาภาวะการทรงตัว โดยจะให้โปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะสม พร้อมติดตามผลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีโครงการ “นักสหเวชศาสตร์รุ่นเยาว์” สำหรับเด็กและเยาวชนในชุมชนที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นปี 2569 เพื่อปลูกฝังความรู้ด้านสุขภาพตั้งแต่วัยเยาว์ นอกเหนือจากการให้บริการแล้ว โครงการยังมุ่งหวังที่จะพัฒนาไปสู่การเป็น “โมเดลสุขภาพบ้านครัว” ที่สามารถนำไปขยายผลสู่ชุมชนอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์คือประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ มุ่งหวังพัฒนาต่อเนื่องถึงการเป็นโมเดลในการดูแลสุขภาพตนเองอย่างยั่งยืน เพื่อที่จะนำโมเดลนี้ไปใช้กับชุมชนที่มีความขาดแคลน หรือชุมชนเมืองที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน สิ่งสำคัญคือโครงการนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการให้บริการชั่วคราว แต่จะมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันก่อนการเกิดโรค ดังนั้นเมื่อสิ้นสุดโครงการ ประชาชนจะต้องสามารถดูแลสุขภาพตัวเองได้อย่างยั่งยืน

 

โครงการสหเวชศาสตร์เสริมสร้างสุขภาพชุมชนบ้านครัว สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ถึง 4 ข้อ ได้แก่

  • SDG 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) ส่งเสริมสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
  • SDG 4 (การศึกษาที่มีคุณภาพ) ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของนิสิตและประชาชน พร้อมจัดทำสื่อความรู้ด้านสุขภาพ
  • SDG 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ) ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพและการเข้าถึงบริการ
  • SDG 11 (เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน) พัฒนาสุขภาวะของประชาชนในชุมชนเมืองให้มีความน่าอยู่และยั่งยืนมากขึ้น

“โครงการนี้เป็นมากกว่าการให้บริการสุขภาพ แต่เป็นการสร้างระบบสุขภาพชุมชนให้ชาวบ้านดูแลกันเองให้ได้ ภายใต้ความเข้าใจและเคารพต่อศาสนาและวัฒนธรรมในพื้นที่ ด้วยความเชื่อว่าพลังของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนได้ โครงการนี้จึงไม่เพียงเป็นการถ่ายทอดความรู้ แต่ยังเป็นการปลูกฝังให้นิสิตได้เรียนรู้การทำงานเชิงบูรณาการและการให้บริการชุมชนอย่างแท้จริง เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วนิสิตสามารถนำความรู้และประสบการณ์ไปพัฒนาสังคมได้ จากการดำเนินงานที่มีแผนชัดเจน การบูรณาการทุกภาคส่วน และความมุ่งมั่นสู่เป้าหมายความยั่งยืน “โครงการสหเวชศาสตร์เสริมสร้างสุขภาพชุมชนบ้านครัว” จึงเป็นต้นแบบที่สำคัญของการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านพลังของมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างสังคมที่ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน” ศ.ดร.อนงค์ กล่าวทิ้งท้าย

จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม

รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า