ข่าวสารจุฬาฯ

สัตวแพทย์ จุฬาฯ พิสูจน์ศักยภาพระดับสากล ฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจในแมวสำเร็จเป็นครั้งแรกในไทย

            คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประสบความสำเร็จในการยกระดับมาตรฐานการรักษาสัตว์ป่วยด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง โดยทีมสัตวแพทย์ จุฬาฯ นำโดย รศ.น.สพ.ดร.อนุศักดิ์  กิจถาวรรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาสรีรวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สามารถผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) ในแมวสำเร็จเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยล่าสุดสามารถช่วยให้ “น้องเป๊ปซี่” แมวพันธ์โดเมสติกช็อตแฮร์ เพศเมีย อายุ 8 ปี ที่มีอาการเป็นลมวันละ 3-4 ครั้ง กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง           

รศ.น.สพ.ดร.อนุศักดิ์  กิจถาวรรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาสรีรวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬา

รศ.น.สพ.ดร.อนุศักดิ์เปิดเผยว่า เจ้าของน้องเป๊ปซี่ได้ติดต่อมาที่โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ว่าน้องเป๊ปซี่มีอาการซึม อ่อนแรง และมีอาการคล้ายเป็นลมกระชาก หมดสติ บางครั้งมีเสียงกรีดร้องและมีอาการเกร็ง ในระยะแรกสัตวแพทย์วินิจฉัยว่าอาจเป็นได้ทั้งโรคในสมองและโรคหัวใจ หลังได้รับการรักษาด้วยยาแล้วก็ยังมีอาการอยู่ จึงถูกส่งต่อมายังโรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ละเอียดยิ่งขึ้น ซึ่งจากการวินิจฉัยพบว่าการเป็นลมของน้องเป๊ปซี่เกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะที่มีการบล็อกสัญญาณไฟฟ้าระหว่างหัวใจห้องบนกับห้องล่าง ทำให้หัวใจห้องล่างไม่สามารถบีบตัวส่งเลือดไปเลี้ยงสมองได้ ส่งผลให้เกิดอาการเป็นลม

“น้องเป๊ปซี่” ซึ่งได้รับการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ

            รศ.น.สพ.ดร.อนุศักดิ์ อธิบายว่า ปกติแล้วหัวใจจะมีกลุ่มเซลล์ที่คอยปล่อยกระแสไฟฟ้ากระตุ้นให้หัวใจเต้นโดยอัตโนมัติ ในแมวจะเต้นประมาณ 140-220 ครั้งต่อนาที แต่เมื่อการปล่อยกระแสไฟฟ้าผิดปกติหรือมีการบล็อกสัญญาณจะทำให้หัวใจไม่บีบตัวและเกิดอาการเป็นลมขึ้นได้ อาการเป็นลมในแมวถือเป็นอาการที่พบได้แต่ไม่บ่อยมากนัก คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ของแมวที่ป่วย และสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ แต่พบมากในแมวสูงอายุ ความท้าทายในการวินิจฉัยคือต้องแยกให้ออกว่าอาการเป็นลมนั้นเกิดจากสาเหตุใด ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคสมอง หรือสาเหตุอื่น ๆ การวินิจฉัยที่แม่นยำต้องอาศัยเครื่อง Holter ที่สามารถวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ซึ่งแม่นยำกว่าการตรวจ ECG หรือการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจทั่วไปที่ใช้เวลาเพียง 1-5 นาที

           

รศ.น.สพ.ดร.อนุศักดิ์ อธิบายถึงการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจในแมวว่ามีความท้าทายมากกว่าในสุนัข เนื่องจากในสุนัขสามารถสอดสาย Pacemaker เข้าไปทางหลอดเลือดดำที่คอได้ แต่ในแมวนั้น กล้ามเนื้อหัวใจมีความหนาเพียงประมาณ 2 มิลลิเมตร ในขณะที่ความยาวของหมุดที่ใช้จิ้มเข้าไปในกล้ามเนื้อหัวใจมีความยาว 1.8 มิลลิเมตร ทำให้มีความเสี่ยงที่หมุดจะทะลุผ่านกล้ามเนื้อหัวใจได้ นอกจากนี้ขนาดของหลอดเลือดดำในแมวยังเล็กเกินไปสำหรับการสอดสายเข้าไป

          

  “ทีมสัตวแพทย์ต้องใช้วิธีการเปิดช่องอกระหว่างกระดูกซี่โครงเพื่อเข้าถึงหัวใจโดยตรง จากนั้นจึงนำสายที่ใช้กระตุ้นหัวใจไปแปะไว้บนผิวของหัวใจ และเชื่อมต่อกับตัวเครื่องปล่อยกระแสไฟฟ้าที่ฝังไว้ใต้กล้ามเนื้อบริเวณช่องท้อง วิธีการนี้แม้จะซับซ้อนกว่าแต่ก็ปลอดภัยกว่าสำหรับแมวและสุนัขขนาดเล็ก การผ่าตัดครั้งนี้เป็นการปรับปรุงเทคนิคการฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจจากเคสแรกที่ทำสำเร็จในน้องแมวไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้า โดยเปลี่ยนจากการผ่าตัดทางกระบังลมมาเป็นการเปิดช่องอกระหว่างซี่โครง ทำให้การฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจทำได้ง่ายและแม่นยำกว่า การผ่าตัดดำเนินไปด้วยดีโดยใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันของทีมสหสาขาวิชาชีพ ประกอบด้วยทีมโรคหัวใจที่ทำการวินิจฉัย ทีมศัลยแพทย์ ทีมวิสัญญี และทีม Intervention ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งสิ้นประมาณ 4 ทีมที่ประสานงานกันอย่างใกล้ชิด” รศ.น.สพ.ดร.อนุศักดิ์กล่าว

            รศ.น.สพ.ดร.อนุศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า อุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัดเป็นอุปกรณ์เดียวกับที่ใช้ในคน เพียงแต่ต้องเลือกขนาดและความยาวของสายให้เหมาะสมกับขนาดของสัตว์ ตัวเครื่องปล่อยกระแสไฟฟ้ามีราคาประมาณ 45,000 บาท ส่วนสายมีราคากว่า 10,000 บาท ในเคสของน้องเป๊ปซี่โชคดีที่มีผู้บริจาคเครื่องปล่อยกระแสไฟฟ้า ซึ่งสามารถนำมาฆ่าเชื้อและใช้ซ้ำได้ ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับเจ้าของได้อย่างมาก ซึ่งผลการผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง น้องเป๊ปซี่ไม่มีอาการเป็นลมอีกเลยหลังจากได้รับการผ่าตัด และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีอาการอ่อนแรงอีกต่อไป สามารถเล่นกับเจ้าของและแมวตัวอื่นในบ้านได้ ไม่ซึม กินอาหารได้ปกติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเครื่องกระตุ้นหัวใจเป็นอุปกรณ์ทางไฟฟ้าจึงมีความจำเป็นต้องนำน้องเป๊ปซี่เข้ามาตรวจสุขภาพและปรับแต่งเครื่องทุก 3 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องยังทำงานได้ปกติ

            สำหรับข้อควรระวังหลังผ่าตัดนั้น  รศ.น.สพ.ดร.อนุศักดิ์เผยว่า ในแมวไม่มีข้อจำกัดมากนักเนื่องจากอุปกรณ์ถูกฝังไว้ภายในทั้งหมด สามารถเล่น ว่ายน้ำได้ตามปกติ เพียงแต่ควรแจ้งแพทย์หากต้องเข้ารับการตรวจด้วยเครื่อง MRI เนื่องจากแรงแม่เหล็กอาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่อง ส่วนการเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปสามารถทำได้โดยไม่มีปัญหา ความเสี่ยงหลังผ่าตัดที่อาจเกิดขึ้นมีน้อยมากประมาณ 1-2 % เช่น ลีดอาจหลุดจากตำแหน่ง แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดเพื่อเย็บติดใหม่

           

ความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของการรักษาสัตว์ในประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดสัตว์ แม้ว่าในต่างประเทศจะมีการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจในแมวมานานแล้ว แต่ในประเทศไทยยังไม่แพร่หลาย สาเหตุหลักมาจากความท้าทายในการวินิจฉัยที่ต้องแม่นยำ ความต้องการเทคนิคและการเรียนรู้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนของอุปกรณ์ที่ค่อนข้างสูง และศักยภาพของคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร เทคโนโลยี และการได้รับการสนับสนุนที่ดี ทำให้สามารถพัฒนาการรักษาและการวินิจฉัยให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ

            สำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่สังเกตเห็นว่าแมวหรือสุนัขมีอาการอ่อนแรงหรือเป็นลม รศ.น.สพ.ดร. อนุศักดิ์ แนะนำให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยทันที โดยโรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

            “นิสิตและสัตวแพทย์รุ่นใหม่ต้องมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง นอกจากการมีพื้นฐานความรู้ที่แน่นแล้ว ยังต้องมีการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากการพัฒนาทางการแพทย์ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ไม่เคยทำในประเทศไทยก็สามารถนำมาพัฒนาและประยุกต์ใช้ได้ เพื่อยกระดับวงการวิชาชีพสัตวแพทย์ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น” รศ.น.สพ.ดร.อนุศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

            โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ หรือโรงพยาบาลสัตว์กรุงเทพฯ เปิดให้บริการทุกวัน มีหน่วยเวชศาสตร์ฉุกเฉิน เปิด 24 ชั่วโมง สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2218-9715  อีเมล sah.vet@chula.ac.th

จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้

ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า