รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
ข่าวสารจุฬาฯ
17 ธันวาคม 2568
งานวิจัยและนวัตกรรม, ข่าวเด่น, ภาพข่าว
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลจัดงานแถลงข่าวโครงการ “AnthoRice™ Complex – From Thai Soil to Global Science” นวัตกรรมเซรั่มบำรุงรากผมจากสารสกัดข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ของไทย ผสานเทคโนโลยี StemAktiv® ผลงานการวิจัยโดยอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งผ่านการวิจัยและตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ เตรียมเข้าสู่การทดสอบทางคลินิกในอาสาสมัครที่โรงพยาบาลศิริราชในปีหน้า
งานแถลงข่าวในครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 ณ ห้องโถงชั้นล่าง อาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มจาก ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเปิดงานและแสดงวิสัยทัศน์ถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนงานวิจัยสู่การสร้างประโยชน์เชิงสังคมและสุขภาพประชาชน จากนั้น ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ และ ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลร่วมพิธีลงนามสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างบริษัท จุฬาฟาร์เทค จำกัด และบริษัท ไทธนบุรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยมี รศ.ภก.ดร.วรสิทธิ์ วงศ์สุทธิเลิศ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ และ ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมเป็นสักขีพยาน
ต่อด้วยการแถลงผลงานวิจัยโดยนักวิจัย Stem Cell ชั้นนำระดับประเทศ นำเสนอความก้าวหน้าของงานวิจัยตั้งแต่ระดับเซลล์ไปจนถึงแนวทางการยกระดับสู่การทดสอบทางคลินิกร่วมกับโรงพยาบาลศิริราชในช่วงต้นปี 2569 ประกอบด้วย
– “Autophagy & Stem Cell Activation” โดย ศ.ดร.ภก.ปิติ จันทรวรโชติ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ
– “ลดความเครียดออกซิเดชัน สู่การชะลอวัยของรากผมในระดับโมเลกุล” โดย ศ.ดร.พญ.อุไรวรรณ พานิช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
– “จากวิทยาศาสตร์การบำรุงรากผมสู่การวิจัยทางคลินิกในอาสาสมัคร” โดย รศ.นพ.รัฐพล ตวงทอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า บทบาทมหาวิทยาลัยในยุคปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการจัดการเรียนการสอนหรือการทำวิจัยเชิงวิชาการเท่านั้น แต่เป็นการบูรณาการการศึกษา งานวิจัย การสร้างผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาพรวม หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนดังกล่าว คือการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพและเป้าหมายร่วมกัน ความร่วมมือระหว่างจุฬาฯ โดยคณะเภสัชศาสตร์ กับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นตัวอย่างชัดเจนของพลังความร่วมมือระหว่างสถาบันชั้นนำที่สามารถต่อยอดองค์ความรู้ทางวิชาการไปสู่ผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่จับต้องได้ ซึ่งผลงานดังกล่าวไม่ได้สร้างคุณค่าเพียงในระดับผลิตภัณฑ์ หากแต่ก่อให้เกิดคุณค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ตั้งแต่การเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร การยกระดับมูลค่าผลผลิตพื้นฐานอย่างข้าว ไปจนถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาวะของประชาชนไทย การทำวิจัยร่วมกันในลักษณะนี้แสดงให้เห็นว่าคุณค่าที่แท้จริงของงานวิจัยไม่ได้หยุดอยู่ที่ตัวสินค้า แต่คือคุณค่าที่เชื่อมโยงไปสู่ผู้คน สังคม และประเทศชาติ ความร่วมมือของทั้งสองมหาวิทยาลัยในครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการนำองค์ความรู้ไปสร้างคุณค่าใหม่ให้กับสังคมไทย และขยายผลสู่เวทีระดับนานาชาติในอนาคตอย่างยั่งยืน
ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นการยกระดับงานวิจัยจากองค์ความรู้เชิงวิชาการไปสู่การประยุกต์ใช้จริงอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการต่อยอดผลงานวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ สู่การทดสอบทางคลินิก ณ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและหลักฐานเชิงประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์ เป็นการบูรณาการแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่เพียงเป็นความร่วมมือระหว่างสองสถาบันการศึกษาชั้นนำเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงเกษตรกร ผู้ผลิต ภาคอุตสาหกรรม และภาคเอกชนที่เข้ามามีบทบาทในการผลิตเชิงพาณิชย์และการตลาด ทำให้งานวิจัยสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการจำหน่ายจริง โมเดลความร่วมมือนี้ถือเป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นได้ยากในประเทศไทย และสะท้อนให้เห็นพลังของการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ หากขยายผลไปสู่สมุนไพรหรือผลิตผลทางการเกษตรและอาหารชนิดอื่น ๆ ของไทย จะสามารถเพิ่มมูลค่า สร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพและประสิทธิผล พร้อมทั้งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
รศ.ภก.ดร.วรสิทธิ์ วงศ์สุทธิเลิศ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงการต่อยอดงานวิจัยสมุนไพรสู่โมเดลเศรษฐกิจของประเทศว่า ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงทิศทางการทำงานวิจัยที่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงความสำเร็จในระยะเริ่มต้น แต่เป็นงานวิจัยต่อเนื่องที่ต้องเดินหน้าพัฒนาอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างข้อมูลเชิงประจักษ์ที่น่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงทั้งในเชิงวิชาการและเชิงพาณิชย์ สารสกัด AnthoRice เป็นตัวอย่างสำคัญของโมเดลงานวิจัยที่คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ มุ่งขยายผลไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรและวัตถุดิบธรรมชาติชนิดอื่น ๆ ในอนาคต โดยให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพและประสิทธิผลตลอดกระบวนการ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ เพื่อสร้างความมั่นใจในมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ แนวทางดังกล่าวไม่เพียงช่วยยกระดับงานวิจัยด้านสมุนไพรให้มีความน่าเชื่อถือในระดับสากล แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการต่อยอดองค์ความรู้สู่การพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ เป็นการสะท้อนภาพของงานวิจัยที่เชื่อมโยงทั้งวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม
ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่าความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังของสองสถาบันการแพทย์และวิชาการชั้นนำของประเทศ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลงานของคนไทยอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ หัวใจสำคัญของความร่วมมือนี้คือการนำองค์ความรู้ทางวิชาการและงานวิจัยมาต่อยอดสู่การใช้จริงในระบบการแพทย์ โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมีบทบาทสำคัญทั้งในการดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาด้านเส้นผม และการสร้างองค์ความรู้ใหม่ผ่านกระบวนการวิจัยทางคลินิกอย่างเป็นระบบ ซึ่งผลิตภัณฑ์ใดก็ตามที่จะนำไปใช้กับผู้ป่วย จำเป็นต้องผ่านการพิสูจน์ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน ความร่วมมือครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการยกระดับงานวิจัยจากห้องปฏิบัติการสู่การทดสอบในมนุษย์อย่างมีมาตรฐาน ผลการวิจัยทางคลินิกที่กำลังดำเนินอยู่คาดว่าจะสามารถยืนยันประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน และนำไปสู่การใช้ประโยชน์ในการดูแลผู้ป่วยได้จริง ไม่เพียงเฉพาะในประเทศไทย แต่ยังสามารถขยายผลสู่ระดับสากล
ศ.ภก.ดร.ปิติ จันทร์วรโชติ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ผู้วิจัย กล่าวว่าความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เกิดขึ้นภายใต้กรอบบันทึกข้อตกลง (MOU) ที่มุ่งเน้นการพัฒนางานวิจัยร่วมและการต่อยอดสู่นวัตกรรม โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรของไทยควบคู่กับการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสูง งานวิจัยนี้เลือกข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์เป็นวัตถุดิบหลัก โดยทำงานร่วมกับกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดเพชรบูรณ์และพิจิตร ซึ่งเผชิญปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและราคาผลผลิตที่ตกต่ำ คณะวิจัยได้นำข้าวไรซ์เบอร์รี่มาสกัดด้วยกระบวนการที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย จนได้สารสกัดที่มีสารสำคัญ เช่น แอนโทไซยานินและสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งจากการทดลองในห้องปฏิบัติการพบว่ามีศักยภาพในการกระตุ้นการสร้างเมลานิน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของเส้นผม ผลการวิจัยถูกพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ได้แก่ แชมพูและเซรั่มบำรุงผมที่มีสารสกัดข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์เป็นองค์ประกอบหลัก
ศ.ภก.ดร.ปิติกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อยู่ในสถานะเครื่องสำอางที่พร้อมออกสู่ตลาดแล้ว ขณะเดียวกัน คณะวิจัยกำลังก้าวสู่ขั้นตอนสำคัญถัดไป คือการทดสอบในอาสาสมัครจริงในระดับคลินิก โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเป็นผู้ดำเนินการ และเมื่อการทดลองในมนุษย์แล้วเสร็จ คาดว่าจะสามารถยกระดับผลิตภัณฑ์จากเครื่องสำอางเป็นเวชสำอางซึ่งจะทำให้สามารถระบุสรรพคุณด้านการฟื้นฟูรากผมและการกระตุ้นการงอกของเส้นผมได้อย่างชัดเจนตามหลักวิชาการ ภายในระยะเวลาประมาณ 6 เดือนข้างหน้า
AnthoRice™ Complex นวัตกรรมเวชสำอางจากสารสกัดธรรมชาติของไทยสู่ตลาดโลก โดยยึดหลักความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นโครงการวิจัยที่มุ่งยกระดับองค์ความรู้ด้านข้าวและสมุนไพรไทยโดยใช้ฐานวิชาการด้านชีววิทยาของเซลล์รากผมมนุษย์ (dermal papilla cells) เชื่อมโยงกลไกระดับเซลล์เพื่อปูทางสู่การวิจัยเชิงคลินิกอย่างเป็นระบบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือเชิงระบบระหว่างสถาบันการศึกษา นักวิจัย และภาคการแพทย์ในการผลักดันงานวิจัยไทยสู่การใช้จริง ด้วยมาตรฐานสากลอย่างยั่งยืน
งานวิจัยโครงการ AnthoRice™ Complex สะท้อนแนวคิดใหม่ในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมขาวก่อนวัย โดยมุ่งฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมจากต้นเหตุระดับเซลล์รากผมแทนการดูแลเพียงภายนอก ผลการศึกษาพบว่าสารสกัดจากสมุนไพรไทย 5 ชนิด ได้แก่ อัญชัน มะขามป้อม มะกรูด ถั่วเหลือง และรางจืด สามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นยีนความเป็นสเต็มเซลล์ที่สำคัญในรากผม ได้แก่ OCT4, NANOG และ SOX2 เพิ่มขึ้นถึง 5–6 เท่า ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยคงศักยภาพการฟื้นตัวและการสร้างเส้นผมใหม่ของรากผม ขณะเดียวกัน สารสกัดจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งเป็นมรดกทางพันธุกรรมของไทยที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะสารแอนโทไซยานิน ยังแสดงศักยภาพในการกระตุ้นการสร้างเมลานิน หรือสารสีที่ทำให้เส้นผมมีสีดำ ผ่าน 2 กลไกทางชีววิทยาพร้อมกัน นับเป็นแนวทางใหม่ที่อาจช่วยชะลอหรือฟื้นฟูภาวะผมขาวก่อนวัย ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาต่อยอดในระดับคลินิก
โครงการ AnthoRice™ Complex นับเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่างสองมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศในการพัฒนาเวชสำอางจากข้าวไทยแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยใช้วัตถุดิบจากวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์จังหวัดพิจิตร ผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนาในห้องปฏิบัติการมาตรฐานสากล การผลิตภายใต้มาตรฐาน GMP และการทดสอบทางคลินิกในสถาบันการแพทย์ระดับประเทศ นอกจากนี้ยังมีการลงนามถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ บริษัท จุฬาฟาร์เทค จำกัด และบริษัท ไทธนบุรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมสู่การใช้จริงเชิงพาณิชย์และการขยายตลาดในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ข้อ 2, 8, 9 , 12 และ 17 อีกด้วย
การทดสอบทางคลินิกที่โรงพยาบาลศิริราชจะใช้ระยะเวลา 24 สัปดาห์ โดยมุ่งประเมินผลในประเด็นสำคัญ ได้แก่ ความหนาแน่นของเส้นผม การเปลี่ยนแปลงของสีผม และสุขภาพหนังศีรษะ เพื่อยืนยันทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดตามโครงการได้ที่
เว็บไซต์ : www.Anthoricethailand.com
Facebook: AnthoRiceOfficial
หรือทาง Line ที่ Line@AnthoRice
สำนักบริหารวิชาการ จุฬาฯ ร่วมกับ ASEAN University Network (AUN) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “AUN-QA” และเกณฑ์การประเมิน
จุฬาฯ เชิญร่วมประชุมวิชาการระดับชาติ “The Future of Disaster Health Management to Resilience”
10-11 มี.ค. 69
Online ผ่านระบบ Zoom และ Onsite ณ อาคารเฉลิมราชกุมารี 60 พรรษา
จุฬาฯ ผนึกพลัง 5 สถาบันวิจัย จัดเวทีเสวนา “Climate Action Now” ร่วมกำหนดทิศทางประเทศไทยสู่อนาคตที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน
นิสิตนักกีฬาจุฬาฯ คว้าชัย “ซีเกมส์ 2025”
อธิการบดีจุฬาฯ มอบพระเกี้ยวองค์จำลองแก่ผู้บริจาคเงินสนับสนุนสภากาชาดไทย ปี 2568
จุฬาฯ จับมือ กรมลดโลกร้อน จัดอบรมหลักสูตร “ปธส. รุ่นที่ 13” ขับเคลื่อนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม
รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้