รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
Highlights
8 กันยายน 2568
ผู้เขียน รัตนาวลี เกียรตินิยมศักดิ์
จุฬาอารี โครงการบูรณาการสหศาสตร์เพื่อรองรับสังคมสูงวัยในชุมชนเมือง ใช้การวิจัยนำข้อมูลกลับสู่ชุมชน ร่วมคิดและพัฒนาสังคมสูงวัยต้นแบบในทุกมิติ เศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ สภาพแวดล้อม และนวัตกรรม แนะผู้มีอายุก่อนถึงช่วงวัยสูงอายุ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนสึนามิประชากรมาถึง
อีกไม่เกิน 10 ปีนับจากนี้ สังคมไทยจะเผชิญกับสถานการณ์ที่เปรียบได้ว่าเป็น “สึนามิผู้สูงอายุ” จำนวนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะเพิ่มจาก 20 % ในปัจจุบัน เป็น 30 % ของจำนวนประชากรในประเทศ ตัวเลขดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็น“สังคมสูงวัยแบบสุดขีด” (Super Aged Society)
“เรามีประชากรที่กำลังเข้าสู่วัยสูงอายุจำนวนมาก ประชากรที่ตอนนี้อายุ 41 – 61 ปี ซึ่งกลุ่มนี้เกิดในช่วงปี พ.ศ.2506-2526 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังมีภาวะการเกิดสูง คือประชากรรุ่นนี้เกิดมากว่าล้านคนต่อปีและคนช่วงอายุนี้มีแนวโน้มที่จะมีอายุยืน ประมาณ 90-95% ของคนกลุ่มนี้จะอยู่รอดไปจนถึงอายุ 60 ปี นั่นหมายความว่าต่อจากนี้ เราจะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งล้านคนต่อปี ทุกๆ ปี คนรุ่นนี้จะเป็นสึนามิผู้สูงอายุของสังคมไทย” ศาสตราจารย์ ดร.วิพรรณ ประจวบเหมาะ อธิบายที่มาของสึนามิผู้สูงอายุและยกตัวอย่างผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
“ความสำเร็จทางสาธารณสุขทำให้ผู้คนอายุยืนยาวขึ้น แต่แนวโน้มที่เกิดขึ้นตามมาด้วยก็คือผู้สูงอายุมีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังมากขึ้น มีโอกาสติดเตียงยาวนานขึ้น และอยู่ในภาวะพึ่งพาคนอื่นมากขึ้นด้วย ดังนั้น เราจึงต้องเตรียมคนรุ่นนี้ (รุ่นก่อนสูงวัย) ให้ดี ถ้าเป็นผู้ป่วยติดเตียงกันเยอะ คนรุ่นหลังจะแบกไม่ไหว”
“ในภาพใหญ่ของประเทศ วัยทำงานมีน้อยลง ฐานภาษีก็น้อยลง แต่ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นมาก ระบบสวัสดิการต่าง ๆ อาจจะรองรับไม่ทัน เช่น เรื่องประกันสังคมซึ่งรัฐเตรียมไว้อาจจะไม่พอ เบี้ยยังชีพก็อาจจะมีปัญหา หรือบริการต่าง ๆ ก็จะไม่ทันต่อความต้องการของประชากรที่เปลี่ยนแปลงไปในวัยสูงอายุ หรือในยามเกิดภัยพิบัติซึ่งปัจจุบันเกิดบ่อยขึ้น กลุ่มที่เสี่ยงก็คือผู้สูงอายุ เช่น เวลาน้ำท่วม การที่จะต้องดูแลกลุ่มนี้ต้องมีระบบดูแลเป็นพิเศษ มีความท้าทายต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเองและต่อครอบครัว”
ด้วยฉากทัศน์อนาคตสังคมสูงวัยและความท้าทายที่จะถาโถมเข้ามา วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาฯ จึงได้ริเริ่ม “จุฬาอารี” – โครงการบูรณาการสหศาสตร์เพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัยในชุมชนเมือง (Chulalongkorn University Platform for Ageing Research Innovation and Thailand Platform for Ageing Research Innovation) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 ภายใต้การสนับสนุนจากทุนศตวรรษที่ 2 (C2F) ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุแบบองค์รวมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ สภาพแวดล้อม และนวัตกรรม รวมทั้งรองรับสังคมสูงวัยเชิงรุก
“แนวโน้มของสังคมสูงวัยเกิดขึ้นทั่วโลกแต่ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มาเร็วและแรง เนื่องจากประเทศไทยลดการเกิดได้เร็วและลดต่ำอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ผู้หญิงไทยมีลูกโดยเฉลี่ยเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นอัตราการเกิดที่ต่ำกว่าประเทศญี่ปุ่น และใกล้กับประเทศเกาหลี เมื่อเทียบกันแล้ว สองประเทศนั้นพัฒนาล้ำหน้ากว่าเรามาก ทั้งระบบรองรับผู้สูงวัยต่าง ๆ แต่ก็ยังมีปัญหา อย่างญี่ปุ่นประสบปัญหารุนแรงมาก ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ คนในวัยทำงาน ระบบประกันสุขภาพญี่ปุ่นซึ่งถือว่าดีที่สุดในโลกก็เริ่มมีปัญหาเพราะคนมีอายุยืนยาวและผู้สูงอายุก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”
ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้คนในสังคมไทยต้องตระหนักและร่วมกันเตรียมตัวรับมือกับสึนามิผู้สูงอายุในอนาคต เสียตั้งแต่วันนี้!
ในฐานะสถาบันวิชาการ โครงการจุฬาอารีเน้นการทำงานวิชาการและงานวิจัยที่สร้างผลลัพธ์อย่างสำคัญทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ศ. ดร.วิพรรณ ผู้อำนวยการโครงการฯ กล่าวถึงกิจกรรมโครงการฯ 3 ระดับ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561
“จุฬาอารีเป็นโครงการที่เน้นสร้างความร่วมมือ เราร่วมกับชุมชนและคนที่เกี่ยวข้องในการหาทางออกร่วมกัน เรามีเป้าหมายและทำงานวิจัยเพื่อการพัฒนาไปด้วยกัน กระบวนการทำงานของเราเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ในลักษณะสหสาขาวิชา ทั้งด้าน สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ แพทยศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ นอกจากร่วมกันภายในจุฬาฯ เรายังมีการร่วมมือกับหน่วยงานอื่นนอกจุฬาฯ โดยมีการทำข้อตกลงความร่วมมือกับอีก 16 หน่วยงานด้วย” ศ. ดร.วิพรรณ กล่าว
สำหรับการวิจัยเชิงนโยบาย จุฬาอารีได้จัดทำแผนแม่บทฯ และได้นำเสนอแผนแม่บทระดับประเทศฯ ต่อคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและเตรียมประชากรรุ่นหลังให้พร้อมที่จะเป็นผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังได้นำแผนฯ ไปเป็นกรอบในการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุกรุงเทพมหานครระยะที่ 3 (พ.ศ.2566-2570)
“เราพยายามเชื่องโยงแผนฯ สู่การปฏิบัติด้วยการขับเคลื่อนพลังชุมชนในการรองรับสังคมสูงวัยโดยใช้ชุมชนต้นแบบในเขตเมือง”
นอกจากการวิจัยเพื่อนำเสนอเชิงนโยบายแล้ว อีกส่วนของการวิจัยที่สำคัญและถือว่าเป็นหัวใจของโครงการคือการใช้งานวิจัย ข้อมูลวิจัยเชิงประจักษ์ในการสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ปัญหาสังคมสูงวัยร่วมกันอย่างยั่งยืน
“เราต้องการทราบปัญหา ร่วมกันคิดหาทางออก ไม่ใช่นักวิชาการหาทางออกเอง เราเข้าถึงชุมชนโดยการไปเยี่ยมชุมชนบ่อย ๆ มีการวิจัยเพื่อรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ ทำให้เราเข้าใจชุมชนลึกซึ้งขึ้น เมื่อได้ข้อมูลจากการวิจัย เราก็เอาข้อมูลนี้กลับไปคืนสู่ชุมชน ทำให้เราเข้าถึงใจเขาได้ดีขึ้น ชุมชนบอกว่าที่ผ่านมานักวิจัยเก็บข้อมูลแล้วไม่กลับมาบอกอะไรเขา พอเราให้เขาเข้าถึงข้อมูลแล้ว เขาก็เห็นภาพชุมชนของเขาชัดเจนขึ้น สร้างความเข้าใจกันและกันระหว่างชุมชนกับทีมวิจัย เกิดกระบวนการพัฒนาร่วมกันโดยระเบิดจากข้างในชุมชนเอง”
ข้อมูลทำให้ชุมชนเห็นปัญหาและประเด็นท้าทายร่วมกัน ซึ่งเป็นจุดตั้งต้นของการระดมความคิดว่าควรทำอย่างไรเพื่อตอบโจทย์คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุรวมถึงผู้ที่กำลังจะเป็นผู้สูงอายุในอนาคต
“เมื่อชุมชนร่วมกันคิดและได้แผนระยะเวลา 3 ปีว่าเขาจะทำอะไรบ้าง จะรับผิดชอบอะไร โครงการจุฬาอารีจะเข้าไปหนุนเสริม ดูว่าเราจะดึงหน่วยงานไหนมาช่วยและเสริมเขาได้บ้าง อย่างไร”
ในแง่นี้ ศ. ดร.วิพรรณ อธิบายว่าโครงการจุฬาอารีทำหน้าที่เป็นผู้ประสานและสนับสนุนชุมชนในส่วนที่ขาด
“กระบวนการนี้เป็นการเรียนรู้ร่วมกันไปตลอดทาง ตอนต้น เราช่วยวางรากฐานและเติมช่องว่างเพื่อให้ชุมชนเคลื่อนไปได้ และหลังจากนั้น ชุมชนจะต้องไปต่อได้ด้วยตัวเอง เราต้องการพัฒนาให้เขายืนอยู่ได้บนขาของตัวเองซึ่งจะเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน”
จากข้อมูลการวิจัยและกระบวนการร่วมคิด-ร่วมทำกับชุมชน ขยับสู่การสร้างสรรค์รูปธรรมที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในชุมชน ในช่วงปี 2561 – 2565 โครงการจุฬาอารีนำร่องพัฒนาชุมชนสูงวัยในกรุงเทพฯ ทั้งสิ้น 10 ชุมชน อาทิ ชุมชนในเขตวังทองหลาง ได้แก่ รุ่งมณีพัฒนาและทรัพย์สินใหม่ ชุมชนในเขตพระนคร ได้แก่ แพร่งภูธร, แพร่งนรา และแพร่งสรรพศาสตร์ ชุมชนในเขตภาษีเจริญ ได้แก่ คลองลัดภาชี, ราศรีธรรม และศิรินทร์และเพื่อน ชุมชนในเขตดินแดง ได้แก่ เคหะดินแดง ชุมชนในเขตบางรัก ได้แก่ หลังวัดหัวลำโพง
“การทำงานของจุฬาอารีเน้นทุกมิติ เรามองว่าสังคมสูงอายุต้องพัฒนาและได้รับการส่งเสริมแบบองค์รวม บางชุมชนอาจจะต้องการเรื่องนี้มากหน่อย บางชุมชนอาจจะต้องการเรื่องนี้น้อยหน่อย ตามแต่ข้อมูลที่สะท้อนออกมา แต่เราพยายามเน้นเรื่องสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี นวัตกรรม และสิ่งแวดล้อม” ศ. ดร.วิพรรณ กล่าวถึงหลักคิดและแนวทางในการสนับสนุนที่สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของแต่ละชุมชน
ศ. ดร.วิพรรณ ยกตัวอย่างชุมชนในเขตวังทองหลางและเขตภาษีเจริญ ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาชุมชนและเป็นต้นแบบชุมชนสูงวัยในเขตเมือง
“ชุมชนนี้มีกิจกรรมเสริมสร้างสุขภาวะ เช่น การออกกำลังกาย โภชนาการ มีการพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางให้เป็นพื้นที่สีเขียวและสวนผัก ซึ่งในช่วงโควิด 19 แพร่ระบาดรุนแรง ได้กลายเป็นแหล่งอาหารสำรองของชุมชน ปัจจุบันมีผลผลิตผักส่วนเกินไปขายและมีรายได้ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุด้วย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการปรับสภาพบ้านให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ตอนนี้เป็นบ้านต้นแบบให้ชุมชนอื่นไปศึกษา มีการพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางของชุมชนที่ผู้สูงอายุหรือคนทุกวัยสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย เช่นการพัฒนาพื้นที่ออกกำลังกาย พื้นที่ศูนย์การเรียนรู้หรือศูนย์คอมพิวเตอร์ให้ผู้สูงอายุและคนในชุมชนมาเรียนรู้ได้”
หุ่นยนต์เป็นนวัตกรรมที่มีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมสูงวัย โครงการจุฬาอารีเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จึงได้ประสานความร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์และแพทยศาสตร์ จุฬาฯ พัฒนาหุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ยกตัวอย่าง หุ่นยนต์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และ หุ่นยนต์ฟื้นฟูกำลังแขนขา ซึ่งหุ่นยนต์เหล่านี้มีให้บริการในศูนย์สุขภาพหลายแห่งในกรุงเทพฯ เช่น ศูนย์แพทย์พัฒนา โรงพยาบาลกลาง เป็นต้น
“หุ่นยนต์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง นำไปใช้ในชุมชนสามแพร่ง คือ แพร่งภูธร แพร่งนารา และแพร่งสรรพศาสตร์ เป็นหุ่นยนต์โทรเวชกรรมที่สามารถวัดความดัน จับชีพจรและอุณหภูมิ และถ้ามีปัญหาทางสุขภาพก็สามารถปรึกษาเบื้องต้นได้ นอกจากนี้ เรายังมีหุ่นยนต์พื้นฟูกำลังแขนขาช่วยนักกายภาพบำบัดในการดูแลผู้สูงอายุที่ต้องการฟื้นฟูกำลังแขนขา ทำให้นักกายภาพบำบัดสามารถดูแลผู้ป่วยได้พร้อม ๆ กัน 3-4 คน” ศ. ดร.วิพรรณ กล่าว
จากความสำเร็จในการวิจัยและนำร่องพัฒนาชุมชนสูงวัยต้นแบบ จุฬาอารีขยายผลสำเร็จไปสู่การขับเคลื่อนอีก 15 ชุมชนในเขตประเวศและปทุมวัน โดยได้รับความร่วมมือกับสำนักงานอนามัยของกรุงเทพมหานคร สำนักพัฒนาสังคม และสำนักยุทธศาสตร์ โครงการนี้ใช้เวลา 2 ปี ตั้งแต่ปี 2567 และกำหนดจะเสร็จสิ้นในปี 2569
ชุมชนในเขตประเวศได้แก่ เฟื่องฟ้าพัฒนา, หมู่บ้านร่มเย็น, คลองมอญ, เปรมฤทัย ล็อก 17, คลองปักหลักพัฒนา, สหกรณ์เคหสถานชุมชนบัวหลวงจำกัด, ปากคลองสองห้อง, และริมคลองประเวศฝั่งเหนือ ชุมชนในเขตปทุมวันได้แก่ ชุมชนตรอกสลักหิน, ชุมชนบ้านครัวใต้, ชุมชนวัดดวงแข, ชุมชนริมคลองนางหงส์, ชุมชนชาวชูชีพ, ชุมชนวัดบรมนิวาส แขวงรองเมือง และชุมชนจรัสเมือง
“เราให้คนพื้นที่ 15 ชุมชนในเขตประเวศและปทุมวันเป็นคนเก็บข้อมูล โดยเราช่วยร่างแบบสอบถามและทางทีมวิจัยประมวลผลให้ ข้อมูลเป็นของกทม. ที่สำคัญคือชาวบ้านเก็บข้อมูลของตัวเองได้ เพราะถ้าเขาเก็บข้อมูลเป็นก็จะรู้ว่าเอาไปใช้ในการดูแลพัฒนาชุมชนของเขาเองได้ทั้งยังสามารถติดตามเก็บรวบรวมข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต” ศ. ดร.วิพรรณ อธิบายกระบวนการวิจัยที่ให้ชุมชนและกทม.มีส่วนร่วม
“ขณะนี้เก็บข้อมูลเสร็จแล้ว กำลังเตรียมการประมวลผลและก็จะเอาผลคืนสู่ชุมชน เพื่อทำแผนด้วยกัน ข้อมูลที่ได้ก็ต้องนำไปเสนอกับชุมชนให้เห็นภาพว่าชุมชนมีปัญหาอะไร มีจุดเด่นอะไร จะทำอะไรได้บ้าง โดยให้ชุมชนคิดหาแนวทางโดยจุฬาและหน่วยงานอื่น ๆร่วมสนับสนุน แล้วถึงจะทดลองพัฒนาระบบต่อไป ในรอบนี้เราจับมือกันอย่างเข้มแข็งกับกรุงเทพมหานครเพื่อจะขับเคลื่อนเขตและชุมชนต้นแบบในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุของกทม..”
แม้โครงการจุฬาอารีจะเน้นทำงานกับชุมชนในกรุงเทพมหานคร แต่ตั้งแต่ปี พ.ศ.2564เป็นต้นมาได้ขยายบทบาทไปสู่เมืองในภูมิภาคอื่น โดยเริ่มความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในภูมิภาค และเรียกกลุ่มความร่วมมือว่า “ไทยอารี” โดยปี พ.ศ.2564-2566 ได้ดำเนินการนำระบบรองรับสังคมสูงวัยไปปรับใช้กับชุมชนเมืองใน 4 ภาค ปัจจุบันโครงการได้มีความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการดำเนินการจัดทำแผนและขับเคลื่อนระบบรองรับสังคมสูงวัยระดับท้องถิ่น อาทิเช่น เทศบาลนครมาบตาพุด จังหวัดระยอง
นอกจากการทำงานกับภาคส่วนต่าง ๆ ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบของสังคมสูงวัยในอนาคต คือผู้ที่กำลังจะเป็นผู้สูงอายุในอนาคต
“ในช่วงชีวิตที่จะยาวนานขึ้น ถ้าไม่เตรียมตัวเองให้พร้อมจะใช้ชีวิตลำบาก เราต้องวางแผนชีวิต อยากจะมีสุขภาพอย่างไร อยากจะมีฐานะอย่างไร เตรียมออมเงิน เตรียมงานที่เหมาะกับวัย และนอกจากนี้ต้องเตรียมหลักใจที่ดี โลกสมัยนี้เปลี่ยนเร็วมาก ถ้าไม่มีหลักใจ ขาดหลักธรรมยึดเหนี่ยวจิตใจ ไปไม่รอด เพราะโลกมีมรสุมตลอดเวลา เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ โควิด 19 ระบาด ภัยพิบัติ ความขัดแย้ง/สงคราม เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ เราต้องเรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต เพิ่มพูนความรู้ ทำตัวเองให้รู้รอบมากขึ้น เรียนทักษะการทำงานใหม่ ๆ พัฒนาทักษะไปตลอดช่วงชีวิต” ศ. ดร.วิพรรณ กล่าวทิ้งท้าย
ในส่วนของโครงการจุฬาอารี ก็จะเดินหน้าประสานสหศาสตร์และเครือข่างต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อรับมือกับสังคมผู้สูงวัย และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย และสังคมไทยอย่างยั่งยืน
สนใจดูงานชุมชนสูงอายุต้นแบบหรือความรู้เรื่องผู้สูงอายุ ติดต่อได้ที่ http://www.chulaari.chula.ac.th/
ข้อมูลอ้างอิง https://www.chula.ac.th/news/33547/
ศ. ดร.วิพรรณ แนะนำการดูแลผู้สูงอายุ 3 ด้าน ได้แก่ จิตใจ ร่างกาย และสิ่งแวดล้อม
“เอาใจใส่ท่านและฟังมากขึ้น ผู้สูงอายุอาจจะพูดเยอะเพราะเหงา เมื่อสูงวัยขึ้นสถานภาพบทบาทเปลี่ยนไป บางคนก็จะรู้สึกด้อยค่า มีคุณค่าน้อยลง จากที่เคยทำงานหาเลี้ยงคนในบ้านได้จะเริ่มเปลี่ยน มีภาวะถดถอย เจ็บป่วย ซึมเศร้า เรื่องของกำลังใจจากทุกวัยในบ้านก็สำคัญ ต้องเปิดใจฟังกันและกัน คนรุ่นใหม่ก็ต้องปรับใจและคิดว่าในอนาคตเราก็จะเป็นผู้สูงอายุเหมือนกัน ต้องอยู่กันด้วยความเข้าใจ พูดให้กำลังใจ รู้จักรับฟังและเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน”
“โภชนาการเป็นเรื่องสำคัญ การกินอยู่ให้เหมาะสม ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อคัดกรองโรคสำคัญเพื่อป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ส่งเสริมผู้สูงอายุให้ออกกำลัง อย่าอยู่นิ่งอยู่กับบ้านเฉย ๆ ไม่นานสภาพร่างกายและ ความจำจะถดถอย
“ปรับสภาพบ้านให้เหมาะกับผู้สูงอายุ เช่น ทางลาด ทางชัน ห้องน้ำ ห้องนอนให้เหมาะกับผู้สูงอายุ ปรับบ้านก่อนเกิดปัญหา เมื่อผู้สูงอายุประสบอุบัติเหตุในบ้านจะนำไปสู่ปัญหามากมายและมีโอกาสติดเตียงได้ คอยสอดส่องดูแลเมื่อผู้สูงอายุเดินโซเซ ต้องปรับสภาพบ้านทันที เช่น ห้องน้ำต้องมีราวยึดเกาะ ปูพื้นใหม่ไม่ให้ลื่นล้ม หรือล้มแล้วไม่เป็นอันตราย ภายในบ้านควรมีแสงสว่างเพียงพอ”
จุฬาฯ จับมือ Google และ AFP แนะ 3 เทคนิคตรวจสอบความจริง เสริมสกิล Fact Check ที่ชาวเน็ตต้องรู้ในยุคข่าวปลอมระบาด
ฟอสซิลไฮยีนาจากบรรพกาล เจาะยุคน้ำแข็งในประเทศไทยฟอสซิลไฮยีนาจากบรรพกาล
ObesityConnects แพลตฟอร์มสู้โรคอ้วน เชื่อมผู้ป่าวยเข้าถึงการรักษา ลดพุง ลดโรค สุขภาพดีอย่างยั่งยืน
สมุนไพรไทย “พืชสกุลพลับพลึง – กระชายดำ” ทางเลือกใหม่ยับยั้งความเสี่ยงต่อมลูกหมากโต จากทีมวิจัยจุฬาฯ
ทุน C2F เสริมพลังจุฬาฯ สร้างผลงานวิชาการและงานวิจัย ขึ้นแท่นมหาวิทยาลัยระดับโลก
จุฬาเวิร์ส โลกเสมือนจริงแห่งการเรียนรู้ ตั้งเป้าแพลตฟอร์มชั้นนำรวบรวม Immersive Learning
จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม
รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้