รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
Highlights
15 กันยายน 2568
ผู้เขียน รัตนาวลี เกียรตินิยมศักดิ์
ศูนย์นิทราเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นด้วยเทคนิคใหม่ “HGNS” เป็นแห่งแรกในประเทศไทย และเป็นแห่งที่ 4 ในเอเชีย ผ่าตัดช่วยผู้ป่วยสำเร็จแล้ว 3 ราย เหมาะกับผู้ที่มีค่าดัชนีการหยุดหายใจระดับรุนแรงปานกลางจนถึงรุนแรงมาก
โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น หรือ Obstructive Sleep Apnea (OSA) เป็นโรคผิดปกติจากการนอนหลับชนิดหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันพบว่าคนไทยมีปัญหาเรื่องการนอนและเป็นโรคนี้เพิ่มขึ้น โดยข้อมูลวิจัยของประชากรทั้งหมด พบอุบัติการณ์ถึงร้อยละ 14 อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมและชีวิตสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด พฤติกรรม อาหาร และสิ่งแวดล้อม
โรคนี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาเนื่องจากการนอนที่ไม่มีคุณภาพจะส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต หากไม่รักษาและอาการโรครุนแรงขึ้น ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ เส้นเลือดสมองตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน ซึมเศร้า และสมรรถภาพทางเพศเสื่อม เป็นต้น
การรักษาโรคนี้ขึ้นกับระดับความรุนแรงของโรค โดยเบื้องต้นเป็นเรื่องของการปรับพฤติกรรม การรักษาด้วยอุปกรณ์ที่ช่วยขยายทางเดินหายใจ จนไปถึงการผ่าตัดเนื้อเยื่อเพดานอ่อน ผ่าตัดต่อมทอนซิล หรือผ่าตัดกรามเพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจให้มากขึ้น ซึ่งวิธีดังกล่าวได้ผลราวร้อยละ 40 และใช้ไม่ได้กับผู้ป่วยทุกราย
ศูนย์นิทราเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งมีพันธกิจในการพัฒนาสุขภาวะการนอนเพื่อสุขภาพของคนในสังคม จึงได้พยายามหาเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอน โดยล่าสุด เมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 เป็นต้นมา ได้เริ่มนำเทคนิค HGNS (Hypoglossal Nerve Stimulation) หรือ การกระตุ้นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 12 มาใช้ในการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น นับเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และเป็นแห่งที่ 4 ในเอเชีย ต่อจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง นฤชา จิรกาลวสาน หัวหน้าศูนย์นิทราเวช รพ.จุฬาฯ และนายกสมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทย อธิบายว่า“โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น เกิดจากทางเดินหายใจส่วนบนถูกอุดกั้นเป็นพัก ๆ และทำให้ออกซิเจนตกลงหรือมีการหลับ ๆ ตื่น ๆ”
“ปัจจัยเสี่ยงจากโรคนี้มีหลายอย่าง อย่างแรกคือเกิดจากโครงสร้างร่างกาย เช่น โครงกระดูกผิดปกติ คางสั้น คางเล็กร่นไปทางด้านหลัง คนที่มีน้ำหนักตัวเยอะ คนที่ลิ้นไก่ยาว เพดานอ่อนต่ำ เป็นต้น”
โรคนี้มีโอกาสพบได้ในเพศชายมากกว่าเพศหญิง เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิงมีส่วนช่วยเพิ่มแรงทางเดินหายใจ “ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนจะมีโอกาสเพิ่มที่จะเป็นเกิดภาวะนี้ใกล้เคียงกับผู้ชาย”
นอกจากนี้ รศ. พญ. นฤชา กล่าวถึงสาเหตุอื่น ๆ ที่เป็นปัจจัยของโรคนี้ “เมื่ออายุเยอะขึ้น แรงกล้ามเนื้อก็จะลดลง การรับประทานยาบางอย่างที่อาจจะไปคลายกล้ามเนื้อ คนที่มีโรคประจำตัวก็เพิ่มโอกาสการเป็นโรคนี้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต ส่วนหนึ่งคนไข้โรคไตและโรคหัวใจวายจะมีการสะสมน้ำ พอนอนตอนกลางคืน น้ำที่คั่งอยู่ที่ขาก็ไหลเข้าไปที่ทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนตีบได้”
อาการที่พบบ่อยที่สุดคืออาการนอนกรน ตื่นบ่อยระหว่างคืน โดยเฉพาะการตื่นมาเข้าห้องน้ำเกิน 1 ครั้งต่อคืน บางคนนอนแล้วรู้สึกว่าสำลัก หรือคู่นอนบอกว่าหยุดหายใจ ตอนเช้าตื่นขึ้นมาปวดศีรษะ ไม่สดชื่น มีอาการง่วงนอนผิดปกติตอนกลางวัน บางคนก็รู้สึกว่ามีความจำที่ลดลง เป็นต้น
การรักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น แบ่งเป็นระดับความรุนแรง บอกได้จากการตรวจการนอนหลับ มีค่าดัชนีการหยุดหายใจและหายใจแผ่ว ดังนี้
“ผู้ที่มีค่าดัชนีการหยุดหายใจและหายใจแผ่ว อยู่ในช่วง 5 – 15 สามารถรักษาด้วยการปรับพฤติกรรม ลดน้ำหนัก 5 – 10% ของน้ำหนักตัว เปลี่ยนมานอนตะแคง บางคนที่มีโรคเกี่ยวข้อง เช่น โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ จะมีโอกาสเพิ่มการกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับไม่รุนแรงจึงต้องรักษาโรคเหล่านี้ร่วมไปก่อน” รศ. พญ. นฤชา อธิบาย
สำหรับผู้ที่มีค่าดัชนีการหยุดหายใจและหายใจแผ่วระดับรุนแรงปานกลางขึ้นไป การรักษาหลักคือการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวกหรือ CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สร้างแรงดันบวกขึ้นมาแล้วไปขยายทางเดินหายใจส่วนบนให้กว้างขึ้น ป้องกันการอุดกั้นของทางเดินหายใจ เป็นการรักษามาตรฐานทั่วไป
นอกจากนี้ ยังมีการรักษาด้วยอุปกรณ์ทางทันตกรรมเป็นลักษณะคล้ายเหล็กจัดฟัน มีชิ้นบน ชิ้นล่าง ผู้ป่วยต้องไปหาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ อุปกรณ์มี 2 ชิ้นและสามารถปรับได้ เพื่อยืดกรามล่างมาทางด้านหน้าทำให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้น
รศ. พญ. นฤชา กล่าวต่อไปว่า “การผ่าตัดเพื่อรักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นที่ผ่านมาเป็นการผ่าตัดในลักษณะตัดเนื้อเยื่อ เช่น ตัดต่อมทอนซิล ผ่าตัดเพดานอ่อนให้เปิดกว้างขึ้น ผลการรักษาได้ประมาณร้อยละ 40 นอกจากนั้นมีการผ่าตัดใหญ่คือการผ่าตัดกรามและเลื่อนกรามมาด้านหน้า ทำให้ด้านหลังคอกว้างขึ้น ผลสำเร็จและประสิทธิภาพมีข้อมูลค่อนข้างหลากหลาย อาจจะไม่ได้ผลที่ดีมากในทุกเคส จนกระทั่งมีอุปกรณ์ในการผ่าตัด HGNS”
การผ่าตัด HGNS (Hypoglossal Nerve Stimulation) หรือ การกระตุ้นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 12 เริ่มต้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ทีมแพทย์จากศูนย์นิทราเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ ได้รับการฝึกฝนมาจากสถาบันที่อเมริกา คือ University of Southern California และ Medical College of Wisconsin โดยทางคณะแพทย์ได้เข้าไปเรียนรู้ในห้องผ่าตัด ศึกษาดูแลคนไข้ และเข้ารับการฝึกอบรม “Cadaveric Workshop” ซึ่งเป็นการผ่าตัดร่างท่านอาจารย์ใหญ่ก่อนจะไปผ่าตัดจริงกับผู้ป่วย
รศ. พญ. นฤชา อธิบายหลักการว่า “การผ่าตัด HGNS เหมาะกับคนที่มีค่าดัชนีการหยุดหายใจและหายใจแผ่วระดับรุนแรงปานกลางจนถึงรุนแรงมาก เป็นการผ่าตัดเล็ก โดยจะใส่อุปกรณ์กระตุ้นเส้นประสาทบริเวณผิวหนังตรงกล้ามเนื้อหน้าอกด้านขวา อุปกรณ์จะจับการหายใจและส่งกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ไปยังเส้นประสาทที่เรียกว่า Hypoglossal Nerve ซึ่งเป็นเส้นประสาทหลักที่กระตุ้นกล้ามเนื้อลิ้น Genioglossus Muscle เป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยขยายทางเดินหายใจ โดยเลื่อนกล้ามเนื้อลิ้นมาด้านหน้าทำให้ทางเดินหายใจเปิดกว้าง การผ่าตัดเล็ก ไม่กี่เซนติเมตรที่คอด้านขวาเพื่อเอาสายไปคล้องกับเส้นประสาท Hypoglossal Nerve”
“เมื่อผ่าตัดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ตอนก่อนนอน คนไข้จะมีรีโมทคอนโทรลเปิดเครื่อง เครื่องจะทำงานวัดการหายใจ ถ้าเห็นโอกาสที่ทางเดินหายใจตีบก็จะส่งกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ไปที่เส้นประสาท Hypoglossal Nerve ไปกระตุ้นกล้ามเนื้อให้ทำงาน อุปกรณ์สามารถปรับระดับความแรงของกระแสไฟฟ้าได้และมี protocol ในการปรับ ช่วงแรกค่อยเพิ่มทีละน้อย สุดท้ายก็จะนำคนไข้มานอนตรวจการนอนหลับเพื่อวัดว่าจะต้องใช้กระแสไฟฟ้าเท่าไร จึงทำให้ค่าการหยุดหายใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ”
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 เป็นต้นมา ศูนย์นิทราเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้ผ่าตัดรักษาผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นด้วยเทคนิค HGNS ไปแล้ว 3 ราย และทีมแพทย์เฝ้าติดตามอาการและผลของการผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง
“เราติดตามดูแผลผ่าตัดแล้ว ไม่พบว่ามีปัญหา และผู้ป่วยทั้ง 3 ท่านบอกว่าไม่ค่อยปวดแผล หลังจากนั้นเราจะกระตุ้นเครื่องเปิดกระแสไฟฟ้าให้ทำงานตาม Protocol” รศ. พญ. นฤชา เล่าสรุปผลการผ่าตัดและข้อดี-ข้อเสียของการผ่าตัด HGNS ดังนี้
“อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดเหมาะกับคนไข้ที่ไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP ได้ ถ้าคนไข้ใช้เครื่องได้ดี เราไม่แนะนำให้มารักษาด้วยวิธีนี้ การรักษษด้วยเครื่อง CPAP ยังเป็นการรักษามาตรฐาน เพราะสามารถลดดัชนีการหายใจและหายใจแผ่วได้มากกว่าการผ่าตัดโดยภาพรวม และการผ่าตัดก็มีความซับซ้อนมากกว่าการใช้เครื่อง”
โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นเป็นหนึ่งในโรคผิดปกติจากการนอนหลับ นอกจากนั้นยังมีโรคอื่น ๆ แบ่งเป็นกลุ่มโรคได้ดังนี้
“ศูนย์นิทราเวชเปิดคลินิกแทบทุกวัน วันจันทร์และอังคาร เวลา 13.00 – 16.00 น. จะเป็นคลินิกโรคความผิดปกติจากการนอนหลับ วันพุธและพฤหัส เวลา 9.00 – 16.00 น. จะเป็นคลินิกการรักษา CPAP คนไข้สามารถมาลองเครื่อง รับเครื่องไปลองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย มีการดาวน์โหลดผล พบกับเจ้าหน้าที่และพบแพทย์”
“สำหรับวันศุกร์ที่ 4 ของเดือนเป็นคลินิกการออกกำลังกายกล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนบน และเป็นที่แรกในประเทศไทย สำหรับคนไข้ที่มีภาวะนอนกรน หยุดหายใจขณะหลับแล้วไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP ได้ โดยจะให้คนไข้ออกกำลังกายกล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนบน ด้วยท่าทางต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้เราได้ร่วมกับอาจารย์จากวิทยาศาสตร์กีฬา ของจุฬาฯ มาออกแบบท่าทางการออกกำลังและวางแผนที่จะทำแอปพลิเคชันสำหรับการรักษาต่อไป”
การนอนหลับเป็นการฟื้นฟูร่างกายและให้ร่างกายได้พักซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เราจึงควรนอนหลับให้ได้ทั้งคุณภาพและปริมาณ “แต่ถ้าสังเกตว่าตัวเองมีการนอนหลับผิดปกติให้ลองปรับพฤติกรรมดูก่อน ถ้ายังไม่ดีขึ้น ก็สามารถมารักษาและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ” รศ. พญ. นฤชา กล่าวปิดท้าย
ศูนย์นิทราเวช อยู่ที่ตึกนวัตบริบาล ชั้น 5 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ติดต่อ 02-649-4037 หรือ https://www.facebook.com/sleepcenterchula
จุฬาฯ เปิดตัว CUPTI นวัตกรรมเครื่องวัดแรงลิ้นต้นแบบฝีมือนักวิจัยไทย ราคาประหยัด เพื่อผู้ป่วยเข้าถึงได้
จุฬาอารีนำร่องชุมชนสูงวัยต้นแบบ พร้อมรับสึนามิผู้สูงอายุในอนาคต
จุฬาฯ จับมือ Google และ AFP แนะ 3 เทคนิคตรวจสอบความจริง เสริมสกิล Fact Check ที่ชาวเน็ตต้องรู้ในยุคข่าวปลอมระบาด
ฟอสซิลไฮยีนาจากบรรพกาล เจาะยุคน้ำแข็งในประเทศไทยฟอสซิลไฮยีนาจากบรรพกาล
ObesityConnects แพลตฟอร์มสู้โรคอ้วน เชื่อมผู้ป่าวยเข้าถึงการรักษา ลดพุง ลดโรค สุขภาพดีอย่างยั่งยืน
สมุนไพรไทย “พืชสกุลพลับพลึง – กระชายดำ” ทางเลือกใหม่ยับยั้งความเสี่ยงต่อมลูกหมากโต จากทีมวิจัยจุฬาฯ
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด
คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้