Highlights

Deep GI ปัญญาประดิษฐ์ชี้ตำแหน่งมะเร็งทางเดินอาหาร เตรียมต่อยอดเป็นธุรกิจ Startup

Deep GI AI ตรวจหามะเร็งกระเพาะ ท่อน้้ำดี ทางเดินอาหาร

คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ Deep GI ให้ AI เรียนรู้จากภาพชิ้นเนื้อมะเร็งนับแสนภาพ  ช่วยแพทย์ค้นหาตำแหน่งมะเร็งลำไส้ใหญ่แม่นยำเท่ากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปัจจุบัน พัฒนาสู่ Phase 2 ค้นหาตำแหน่งและช่วยวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะอาหารและท่อน้ำดี พร้อมต่อยอดธุรกิจ Startup ทันทีเพราะได้รับการรับรองจาก อย.  แล้ว


สถาบันมะเร็งแห่งชาติรายงานว่าแต่ละปีมีคนไทยป่วยเป็นมะเร็งรายใหม่ราว 140,000 คน เสียชีวิตประมาณ 83,000 คน เฉลี่ยคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งวันละ 227 คน!

สถิติเหล่านี้ลดลงได้หากผู้ป่วยได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งก่อนมีอาการหรือในระยะเริ่มต้น และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์หลายอย่างโดยเฉพาะระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ช่วยตรวจคัดกรองมะเร็งได้ อย่างเช่น Deep GI นวัตกรรมที่พัฒนาโดยศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ศูนย์ความเป็นเลิศฯ ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่องกล้องตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือเรียกว่า Deep GI Phase 1 สำเร็จเมื่อปี 2565 และเดินหน้าสู่การพัฒนา Deep GI Phase 2 เพื่อใช้ AI ตรวจหามะเร็งท่อน้ำดีและกระเพาะอาหารสำเร็จเป็นรายแรกของโลก เมื่อเดือนมิถุนายน 2568

ศ. นพ.รังสรรค์ ฤกษ์นิมิตร ผู้ช่วยอธิการบดี อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร
ศ. นพ.รังสรรค์ ฤกษ์นิมิตร ผู้ช่วยอธิการบดี อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ รังสรรค์ ฤกษ์นิมิตร ผู้ช่วยอธิการบดี อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร จากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลจุฬาฯ กล่าวว่า “การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ตรวจทางเดินอาหารมีจุดประสงค์เพื่อให้แพทย์ที่ไม่ได้เชี่ยวชาญในการส่องกล้องทางเดินอาหาร มีเครื่องมือที่สามารถค้นหาติ่งเนื้อได้อย่างแม่นยำ”

“ติ่งเนื้อบางอันตรวจพบยากเพราะไม่ได้มีรูปร่างเป็นก้อน บางอย่างมีลักษณะเป็นปื้นหรือแบนราบ อาจจะทำให้แพทย์มองไม่เห็นและพลาดไป นวัตกรรม AI จะช่วยชี้เป้าให้แพทย์ที่ทำการส่องกล้องเห็นชิ้นเนื้อผิดปกติได้ไวและแม่นมากขึ้น

Deep GI เป็นนวัตกรรมที่มาจากการทำงานร่วมกันระหว่างคณะแพทยศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ โดยคำว่า GI หมายถึง Gastrointestinal หรือระบบทางเดินอาหาร ส่วนคำว่า Deep มาจาก Deep Learning คือวิธีการที่ให้ AI เรียนรู้ภาพชิ้นเนื้อที่เป็นมะเร็ง และชิ้นเนื้อที่ไม่เป็นมะเร็ง เพื่อให้สามารถตีกรอบและชี้เป้าชิ้นเนื้อที่เป็นมะเร็ง

“ทีมงานมีความพยายามและความตั้งใจมากในการทำงานนี้ เราใช้การเรียนแบบที่เรียกว่า supervised learning สอน AI โดยเอาภาพที่ใช่และไม่ใช่มะเร็งเป็นแสนภาพจากผู้ป่วย 500 – 1,000 คน ให้ AI ได้เรียนรู้ เราใช้เวลาเป็นปี กว่า AI จะเรียนรู้ภาพทั้งหมด” ศ. นพ.รังสรรค์ กล่าว

AI ก็เหมือนกับ co-pilot เป็นตัวช่วยชี้ตำแหน่งให้แพทย์ แต่ไม่ได้ทำหน้าที่แทนแพทย์ เพราะการส่องกล้อง แพทย์ต้องเป็นคนทำ การยืนยันผลก็เป็นแพทย์ ในอดีตก็คือแพทย์อ่านเอง แต่ตอนนี้ มี AI ช่วยชี้เป้าและแพทย์ก็วิเคราะห์อีกครั้งว่าใช่มะเร็งหรือเปล่า

ศ. นพ.รังสรรค์ อธิบายการติดตั้ง Deep GI ว่าเป็นลักษณะ external hardware มีคอมพิวเตอร์ติดตั้งไว้ข้าง ๆ “ระบบสามารถดึงภาพจากการกล้องเข้ามาแปลผล แล้วส่งภาพพร้อมการตีกรอบรอบรอยโรคที่สงสัยกลับไปในจอให้แพทย์อ่านในทันทีขณะทำการส่องกล้อง ไม่ว่าจะเป็นกล้องส่องทางเดินอาหารที่ผลิตจากบริษัทใด รุ่นอะไร Deep GI ของเราอ่านได้หมด”

ส่วนวิธีการตรวจด้วย Deep GI ก็ไม่ต่างจากการส่องกล้องที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ศ. นพ.รังสรรค์ กล่าว

“AI ไม่ได้ทำให้แพทย์ต้องใช้เวลานานขึ้นและไม่ต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษ ผุ็เข้ารับการส่องกล้องแทบจะไม่รู้สึกว่าใช้ AI ตรวจด้วยซ้ำ การตรวจก็เหมือนปกติคือเข้ามาเตรียมลำไส้ กินยา ฉีดยานอนหลับและส่องกล้อง ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ถ้าพบติ่งเนื้อก็ต้องตัด ใช้เวลาตัดประมาณ 5 นาทีตามมาตรฐาน”

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคมะเร็งอันดับที่ 3 ที่คนไทยเป็น แพทย์จึงต้องมุ่งตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ให้กับประชากรอายุ 50 ปีขึ้นไป ปัญหาคือมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการส่องกล้องไม่พอกับจำนวนประชากร จึงเป็นที่มาของการคิดค้นนวัตกรรม Deep GI ตั้งแต่ปี 2561

การตรวจหาติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ ทางซ้ายเป็นติ่งเนื้อที่ดูง่ายด้วยตาเปล่า
ทางขวาเป็นติ่งเนื้อที่ดูยากขึ้นเพราะว่าเป็นติ่งเนื้อชนิดแบน ๆ ไม่ยื่นออกมาเป็นปุ่มมาก
การตรวจหาติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ ทางซ้ายเป็นติ่งเนื้อที่ดูง่ายด้วยตาเปล่า
ทางขวาเป็นติ่งเนื้อที่ดูยากขึ้นเพราะว่าเป็นติ่งเนื้อชนิดแบน ๆ ไม่ยื่นออกมาเป็นปุ่มมาก

“ประชากรอายุ 50 ปี ขึ้นไปทั้งประเทศตอนนี้มีราว 15 ล้านคน แพทย์ผู้ชำนาญการตรวจด้วยการส่องกล้องมีประมาณ 1,000 คน โดยจำนวนและสัดส่วนไม่พอ จึงต้องอาศัยแพทย์อื่น ๆ ที่ไม่ได้ฝึกเรื่องการส่องกล้องทางเดินอาหารโดยตรง เช่น ศัลยแพทย์ที่มาช่วยส่องกล้อง และเราก็มีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการตรวจอุจจาระว่ามีเลือดแฝงหรือไม่ ซึ่งจะคัดกรองได้อีก เหลือเพียง ร้อยละ 10 คือ 1.5 ล้านคน แพทย์ตรวจคัดกรองวันละ 20 – 30 รายก็ยังไม่ทันอยู่ดี เรานัดการตรวจคัดกรองแต่ละรอบห่างกัน 5 ปี ปัญหาคือผู้ให้บริการกับจำนวนผู้ป่วยที่ต้องการรับการบริการอาจจะไม่ทัดเทียมกับห้วงเวลาของเป้าหมายที่เราต้องการตรวจให้ได้ในแต่ละปี”

บรรยากาศการสอนส่องกล้องโดย Deep GI ผู้ป่วย 200 ราย
ที่จังหวัดอุทัยธานี เพื่อให้แพทย์ทั่วไปได้เรียนรู้
บรรยากาศการสอนส่องกล้องโดย Deep GI ผู้ป่วย 200 ราย
ที่จังหวัดอุทัยธานี เพื่อให้แพทย์ทั่วไปได้เรียนรู้

“สิ่งที่ทำได้คือสอนแพทย์ที่สนใจส่องกล้องและเริ่มงานใหม่ได้ทำงานส่องได้มีประสิทธิภาพเท่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  โดย AI จะช่วยแพทย์ผู้ที่ยังไม่ชำนาญ หรืออยู่ในระหว่างการฝึกฝน หรือแพทย์ที่ยังทำงานไม่กี่ปี ให้สามารถส่องกล้องตรวจดูมะเร็งลำไส้ใหญ่และหาติ่งเนื้อได้แม่นยำมากขึ้นและมีความมั่นใจ ซึ่งจากการวิจัยประสิทธิภาพของ AI เราพบว่าสามารถช่วยให้แพทย์เหล่านี้ตรวจติ่งเนื้อได้ใกล้เคียงกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทำให้ผู้ป่วยมั่นใจได้ว่าได้รับการตรวจที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ”   

ศ. นพ.รังสรรค์ กล่าวต่อไปว่า Deep GI จะช่วยให้การคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ทำได้ง่าย กว้างขวางและครอบคลุมประชากรกลุ่มเสี่ยงได้มากยิ่งขึ้น

“การผลิตแพทย์ กว่าจะได้ 1 คนต้องเรียนกันถึง 12 ปี แต่การสร้าง AI ใช้เวลาน้อยกว่าและเราสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างไม่มีข้อจำกัด เพียงติดตั้ง hardware หรือ software ที่จำเป็น หากเรามี Deep GI มากขึ้น เราก็สามารถตรวจคัดกรองประชากรไทยอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่ควรมารับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ให้เป็นไปตามเป้าที่คาดหวัง คือ 1.5 ล้านได้ใกล้เคียงเป้าหมายมากขึ้น”

ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ 100 คน ที่ตรวจพบจะพบว่ามีประมาณร้อยละ 50 ที่สามารถอยู่ในระยะที่ผ่าตัดได้ แต่สำหรับมะเร็งกระเพาะอาหารและท่อน้ำดีจะสามารถผ่าตัดได้น้อยกว่าร้อยละ 20เพราะวินิจฉัยโรคนั้นค่อนข้างยากในระยะต้นๆของโรคและต้องใช้ความชำนาญในการตรวจมากกว่า

Deep GI Phase 2 การตรวจหามะเร็งในท่อน้ำดี
Deep GI Phase 2 การตรวจหามะเร็งในท่อน้ำดี

“Deep GI Phase 2 เป็นเรื่องของกระเพาะอาหารและท่อน้ำดี ซึ่งมีความยากมากกว่าลำไส้ใหญ่ เราใส่ข้อมูลชุดใหม่ให้ AI ได้เรียนรู้ และเราเป็นกลุ่มแรกของโลกที่ใช้ AI ในการตรวจหามะเร็งกระเพาะอาหารและท่อน้ำดี ผู้ป่วยที่จะได้รับการตรวจจะต้องเป็นผู้ป่วยที่มีอาการ มีความเสี่ยง และแพทย์แนะนำให้ตรวจด้วยวิธีการส่องกล้องและสามารถใช้ระบบ Deep GI เข้าช่วยในการตรวจได้”

การตรวจ Deep GI Phase 2 ในเยื่อบุก่อนเป็นมะเร็งของกระเพาะอาหาร
การตรวจ Deep GI Phase 2 ในเยื่อบุก่อนเป็นมะเร็งของกระเพาะอาหาร

“การส่องกล้องลำไส้ใหญ่โดยใช้ AI ตรวจติ่งเนื้อที่นูนขึ้นมาสามารถดูได้ง่าย แต่ในกระเพาะอาหารเนื้อจะเป็นปื้นแดงสีซีด มองเผิน ๆ ก็นึกว่าปกติ ดังนั้นแพทย์ที่ไม่คุ้นเคยก็จะดูยากเข้าไปใหญ่ พอเป็นปื้นก็กำหนดขอบเขตของรอยโรคได้ยาก ดังนั้น AI ที่ใช้จึงต้องมีความละเอียดและความยากในการอ่านมากกว่าในลำไส้ใหญ่”  

การนำเสนอผลงานนวัตกรรมนี้ผ่านการถ่ายทอดสดจากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ชั้น 10 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไปยังกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในงาน International digestive endoscopy network 2025 (IDEN)
การนำเสนอผลงานนวัตกรรมนี้ผ่านการถ่ายทอดสดจากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ชั้น 10 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไปยังกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในงาน International digestive endoscopy network 2025 (IDEN) 

“สำหรับมะเร็งในท่อน้ำดียิ่งดูยากขึ้นไปอีก เนื้อมะเร็งไม่ได้เป็นปื้น แต่เป็นรอยเป็นร่องฉีกขาดขนาดเล็ก บางทีเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ ขนาดดูด้วยตาเปล่าและสงสัยว่าใช่ ยังเล็งในตำแหน่งว่าน่าจะใช่แต่กลับไม่ใช่ ในส่วนของ AI ก็ช่วยแพทย์ในการเล็งเป้า เหมือนกับนักบิน F-16 ใช้เรดาห์ว่าจะยิงตรงนี้ ซึงเมื่อ AI ชี้เป้าตำแหน่งของท่อน้ำดีหรือกระเพาะที่ผิดปกติ แพทย์ก็สามารถตรวจหาและตัดชิ้นเนื้อได้ถูกต้อง”

ประสิทธิภาพของปัญญาประดิษฐ์ทำให้แพทย์ทั่วไปสามารถตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ใกล้เคียงเท่ากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึงร้อยละ 97 สำหรับประสิทธิภาพการตรวจหามะเร็งกระเพาะอาหารและท่อน้ำดีนั้นกำลังอยู่ในขั้นของการทดลอง  

การสอนการส่องกล้องรักษามะเร็งท่อน้ำดีโดยใช้ Deep GI
การสอนการส่องกล้องรักษามะเร็งท่อน้ำดีโดยใช้ Deep GI

ศ. นพ.รังสรรค์ กล่าวถึงความแม่นยำในการใช้ Deep GI ว่า “ติ่งเนื้อมี 2 ชนิดคือ ติ่งเนื้อที่เป็นมะเร็งในอนาคต และจะไม่ได้เป็นมะเร็งในอนาคต อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์ชิ้นเนื้อว่าจะเป็นติ่งเนื้อกลายพันธุ์เป็นมะเร็งหรือไม่ปัจจุบันให้แพทย์เป็นคนอ่านเอาเอง ซึ่งแพทย์สามารถวิเคราะห์ได้ถูกต้องประมาณร้อยละ 70 สุดท้ายและติ่งเนื้อก็ต้องถูกตัดไปส่งเพื่อตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์อยู่ดี แต่ในอนาคต AI ที่กำลังพัฒนาขึ้นใหม่จะสามารถช่วยแปลและอ่านชนิดของติ่งเนื้อได้โดยตรงซึ่งเรียกว่า CADx”

“Deep GI Phase 1 นอกจากการตรวจหามะเร็งแล้ว เรายังเพิ่มฟีเจอร์ในการวินิจฉัยโรค หรือ diagnosis ให้ได้ใกล้เคียงกับผู้เชี่ยวชาญ และทำได้ดีกว่าแพทย์ผู้ไม่เชี่ยวชาญ เพราะอ่านได้แม่นยำกว่า ในขณะที่ AI ตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่ในท้องตลาด บางแบรนด์เป็นออปชันเสริม แต่ AI ของเราใส่ CADx ไปในเครื่องมือการตรวจได้เลย”

“หลักการปัญญาประดิษฐ์ข้อมูลเป็นของใครก็จะแม่นในข้อมูลของเขา การนำเข้าปัญญาประดิษฐ์จากต่างประเทศ เมื่อเอามาข้ามพื้นที่ ความแม่นยำและความไวในการตรวจจะลดน้อยลง ถ้าใช้ข้อมูลของคนไทย โดยคนไทยเป็นคนทำ ก็จะยิ่งแม่นยำมากขึ้น”

ศ. นพ.รังสรรค์ เผยว่า Deep GI ได้ผ่านการทดสอบ ทดลอง และวิจัยแล้ว ขณะนี้ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (อย.) เพื่อนำมาใช้ในการตรวจผู้ป่วยทั่วไป ซิ่งขั้นตอนต่อไปจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสนับสนุนให้นำไปใช้ประโยชน์ในวงกว้างในโรงพยาบาลรัฐบาลทั่วประเทศผ่านกระทรวงสาธารณสุขโดยการสนับสนุนของทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นอกจากนี้ในโรงพยาบาลของภาคเอกชนสามารถติดต่อเพื่อนำไปใช้ได้ผ่านบริษัท Startup ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต่อไป

“ล่าสุดเราได้รับการสนับสนุนจากนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)ในการทำโครงการนำร่องกับโรงพยาบาล 8 แห่งที่จะนำเอาอุปกรณ์ต้นแบบไปทดลองใช้ เช่น โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี โรงพยาบาลสุรินทร์ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด และในจังหวัดอื่นๆ”

ศ. นพ.รังสรรค์ กล่าวด้วยความหวังว่าเมื่อนวัตกรรมนี้ผ่านการรับรองจาก อย. แล้ว จุฬาฯ อาจจะทำ B2G กับกระทรวงสาธารณสุข และ B2B กับโรงพยาบาลเอกชน  ที่แสดงความสนใจนวัตกรรม เป็นต้น

“นอกจากเทคโนโลยี Deep GI จะสามารถอ่านมะเร็งได้รวดเร็วและความแม่นยำแล้ว ในอนาคตเราอยากพัฒนา AI ที่สามารถอ่านชิ้นเนื้อที่จะกลายพันธุ์เป็นมะเร็งได้ และวิเคราะห์ได้ว่าชิ้นเนื้อนี้ต้องตัดหรือไม่ต้องตัด”

ท้ายที่สุด ศ. นพ.รังสรรค์ หวังว่า  Deep GI จะเป็นนวัตกรรมที่ช่วยคัดกรองมะเร็ง ป้องกันปัญหาก่อนสายเกินแก้ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งที่ลุกลาม เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยและครอบครัว ลดอัตราการป่วยและการสูญเสียของคนไทยจากโรคมะเร็งทางเดินอาหารในแต่ละปี

Information Box


ศ. นพ.รังสรรค์ แนะนำให้ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ทั้งเพศชายและเพศหญิง ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะ หรือมะเร็งเต้านม ควรมาตรวจตั้งแต่อายุ 40 ปี ขึ้นไป

“ข้อดีของการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ เมื่อเทียบกับการตรวจคัดกรองมะเร็งอื่น ๆ เช่น ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ถ้าพบว่าเป็นมะเร็งก็ต้องไปตัดชิ้นเนื้อทีหลัง แต่สำหรับการส่องกล้องลำไส้ใหญ่เมื่อสงสัยว่าเป็นชิ้นเนื้อที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งก็ตัดได้เลย แต่ถ้าดูชิ้นเนื้อว่าไม่เป็นมะเร็งแน่ ๆ ดูแล้วไม่น่าจะกลายพันธุ์ และติ่งเล็กก็อาจจะทิ้งไว้ไม่ต้องตัด เพื่อลดเวลาในการตัด ลดความเสี่ยงในการตัด เพราะการตัดจะมีเลือดออก พอไม่ต้องตัดเวลาก็ลดลง ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอ่านผลชิ้นเนื้อ”

 “ชิ้นเนื้อเล็กที่ผิดปกติแต่ยังไม่เป็นมะเร็ง อาจจะตัดทิ้งเรียกว่า resect and discard ตัดและโยนทิ้งเป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่เริ่มใช้ในหลายประเทศ เพื่อประหยัดค่าอ่านชิ้นเนื้อ แต่ชิ้นใหญ่เมื่อตัดแล้วจะนำไปอ่านด้วยกล้องจุลทรรศน์ต่อไป”

จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม

รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า