การสื่อสารเพื่อการดูแลใจ: ความรู้เชิงจิตวิทยาเพื่อส่งเสริมสุขภาวะทางจิต

อาจารย์คณะจิตวิทยา จุฬาฯ แนะทักษะในการสื่อสารเชิงบวกเพื่อดูแลสุขภาพใจต้องสื่อสารด้วยความเข้าใจและเห็นใจซึ่งกันและกัน ชี้พลังของคำพูดมีผลต่ออารมณ์และจิตใจ ช่วยให้งานราบรื่น ใจไม่หนัก
“การสื่อสารเพื่อการดูแลใจ” เป็นหัวข้อการบรรยายที่น่าสนใจและเหมาะอย่างยิ่งกับยุคปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่ในสังคมต้องการการดูแลจิตใจ การบรรยายดังกล่าวจัดโดยคณะจิตวิทยา จุฬาฯ ร่วมกับศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาฯ ในโครงการความร่วมมือในการดูแลด้านสุขภาพจิตแก่บุคลากรของจุฬาฯ (Chula Care) โดยมี อ.ดร.พูลทรัพย์ อารีกิจ ผู้ช่วยคณบดีและอาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาการปรึกษา คณะจิตวิทยา จุฬาฯ เป็นวิทยากร เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ คณะจิตวิทยา จุฬาฯ ห้อง 614 อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ

อ.ดร.พูลทรัพย์ ได้กล่าวถึงการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการสื่อสารว่า การบรรยายครั้งนี้ไม่ได้เพียงแต่ให้ความรู้แก่บุคลากรจุฬาฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้บุคลากรรู้สึกวางใจและพร้อมที่จะเปิดใจพูดคุยในประเด็นที่มีความสำคัญ การได้พบปะและพูดคุยกันในกิจกรรมนี้ ทำให้หลายคนรู้สึกสบายใจและเข้าใจว่าการสื่อสารเชิงบวกสามารถช่วยลดความเครียดและเสริมสร้างสุขภาวะทางจิตได้จริงๆ โดยวิทยากรได้ให้ความรู้ในสามประเด็นดังนี้
การดูแลสุขภาวะทางจิตในองค์กร :
หลาย ๆ องค์กรมักประสบปัญหาคนทำงานต้องเผชิญกับความเครียด และามักจะมองว่าการรับบริการจากนักจิตวิทยาคือทางแก้ไขปัญหา แต่นั่นเป็นเพียงการทำงานเชิงรับเท่านั้น โครงการนี้มุ่งเน้นการทำงานเชิงรุก โดยการให้ความรู้และทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะทางจิตที่ดี
การสื่อสารเพื่อการดูแลใจ:
การสื่อสารด้วยความเมตตากรุณาเป็นการเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างบุคคล การที่เราสามารถสื่อสารกันอย่างเข้าใจและเห็นใจซึ่งกันและกัน จะช่วยลดความเหน็ดเหนื่อยทางใจได้มาก การสื่อสารไม่ได้หมายความว่าเราต้องพูดหวานใส่กันตลอดเวลา แต่เป็นการเข้าใจข้างในซึ่งกันและกัน ซึ่งจะช่วยลดการสร้างความเจ็บปวดและบาดแผลในจิตใจ การสื่อสารที่ดีจะช่วยเยียวยาทั้งผู้พูดและผู้ฟัง
พลังของคำพูด:
อ.ดร.พูลทรัพย์ เน้นย้ำถึงพลังของคำพูดที่มีต่ออารมณ์และจิตใจ คำพูดของคนมีพลังมาก ทั้งการที่เราพูดกับตัวเองหรือพูดกับคนอื่น ถ้าเราเห็นความสำคัญของการดูแลอารมณ์และจิตใจ เราจะสามารถสื่อสารกับตัวเราเองและคนอื่นได้อย่างเข้าใจและมีความหมาย การสื่อสารที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้การทำงานราบรื่น แต่ยังช่วยให้เราผ่านความยากลำบากในชีวิตได้ด้วยใจที่ไม่หนักหนา งานอาจจะหนัก แต่ใจเราไม่ควรหนักตาม
ทั้งนี้ โครงการ Chula Care ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตในที่ทำงาน โดยการให้ความรู้และทักษะในการสื่อสารเชิงบวก เพื่อให้บุคลากรทุกคนสามารถดูแลใจของตัวเองและผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบรรยายและกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการ Chula Care ได้ที่ https://www.facebook.com/WellnessPsyCU/

จุฬาฯ สนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากต่อทั้งอาจารย์ นิสิต รวมถึงภาคประชาสังคม
รองศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย