ข่าวสารจุฬาฯ

จุฬาฯ เปิดตัว “ER-VIPE” นวัตกรรม VR ฝึกทีมสหวิชาชีพในห้องฉุกเฉิน ยกระดับความปลอดภัยผู้ป่วย

         เพราะทุกนาทีในห้องฉุกเฉินคือชีวิตของผู้ป่วย ศูนย์ออกแบบเพื่อสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CUD4S) ร่วมกับภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดตัว “ER-VIPE” (Emergency Room – Virtual Interprofessional Education) นวัตกรรมการศึกษาด้านการแพทย์ เพื่อฝึกอบรมทีมสหวิชาชีพดูแลผู้ป่วยวิกฤติฉุกเฉิน ผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง (Virtual Simulation) เสริมสร้างทักษะการทำงานเป็นทีมป้องกันความผิดพลาดจากมนุษย์ (Human Error) และยกระดับความปลอดภัยผู้ป่วย พร้อมระดมความคิดเห็นผู้แทน 9 องค์กรวิชาชีพสุขภาพ วางแนวทางขับเคลื่อนสู่นโยบายระดับชาติ ผ่านเวทีเสวนาวิชาการ ER-VIPE : พัฒนาทีมสุขภาพ สู่ความปลอดภัยผู้ป่วยอย่างยั่งยืน” ควบคู่โครงการฝึกอบรม TeamSTEPPS Essential and IPE Virtual Simulation Workshop รุ่นที่ 2 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ณ ห้อง 1209 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยมี รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ผศ.พญ.ขวัญศิริ นราจีรณ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ แผนกเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ หัวหน้าโครงการ ER-VIPE กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน

         การจัดงานในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ร่วมด้วยศูนย์ออกแบบการศึกษาเพื่อสังคม CUD4S Academy คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และ Takeda (Thailand), Ltd.

         รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ความปลอดภัยของผู้ป่วยคือหัวใจสำคัญของการดูแลทางการแพทย์ “ER-VIPE” ช่วยให้ทีมสหวิชาชีพสามารถพัฒนาทักษะ Non-Technical Skills ฝึกฝนการทำงานร่วมกันได้ผ่านเทคโนโลยี Virtual Simulation ในสถานการณ์จำลองเสมือนจริง ผลลัพธ์ชัดเจนว่านวัตกรรมการเรียนรู้นี้ช่วยยกระดับทั้งความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความสุขของทีมงานให้เกิดขึ้นได้จริง

         การจัดงานครั้งนี้ยังเป็นเวทีแรกที่ผู้นำจากองค์กรวิชาชีพด้านสุขภาพทั้ง 9 สาขา ได้แก่ แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม สภาเทคนิคการแพทย์ และวิชาชีพรังสีเทคนิค กองสถานพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข วิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉิน สมาคมผู้บริหารโรงพยาบาล สถาบันรับรองคุณภาพโรงพยาบาล และกระทรวงสาธารณสุข มาร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ เพื่อหารือแนวทางขับเคลื่อน ER-VIPE สู่ระบบสุขภาพแห่งชาติ ให้ทุกคนปลอดภัยอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน ตามเป้าหมาย Zero Harm 2030 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ต้องการลดอันตรายที่สามารถป้องกันได้ในระบบการดูแลสุขภาพให้เป็นศูนย์ภายในปี 2030

  • ER-VIPE นวัตกรรมฝึกทีมสหวิชาชีพ แก้ปัญหาทีมเวิร์คในห้องฉุกเฉิน

         ผศ.พญ.ขวัญศิริ นราจีนรณ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ แผนกเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และหัวหน้าโครงการ ER-VIPE กล่าวว่า “ER-VIPE เป็นนวัตกรรม“Med-Edutainment Technology” ที่ผสานพลังของ HEART (ภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจ) HEAD (MOOC ความรู้) และ HAND (เกมจำลองสถานการณ์) เพื่อออกแบบการเรียนรู้ทางการแพทย์ฉุกเฉินในรูปแบบที่สนุก เข้าใจง่าย โดยใช้เทคโนโลยีจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินเสมือนจริง (Virtual Simulation) ผสานแนวคิด TeamSTEPPS (Team Strategies and Tools to Enhance Performance and Patient Safety) หรือกลยุทธ์และเครื่องมือของทีมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผู้ป่วย ในการฝึกอบรม“ทีมสุขภาพสหสาขาวิชาชีพ” IPC (Inter-Professional Collaboration) ให้สามารถสื่อสาร ทำงานร่วมกัน และตัดสินใจในสถานการณ์วิกฤตอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันความผิดพลาดจากมนุษย์ (Human Error) ซึ่งพบว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของผู้ป่วยทั่วโลก

         จากสถิติพบว่าการรับบริการทางการแพทย์ที่อาจไม่ปลอดภัยเกิดขึ้นในประเทศไทยสูงถึง 400,000 ครั้ง/ปี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 9,600 ล้านบาท/ปี ขณะที่ข้อมูลสถิติต่างประเทศเผยว่า การเสียชีวิตจาก “ข้อผิดพลาดทางการแพทย์” (Medical Error) มากกว่าเครื่องบินตกถึง 10,000 เท่า   จึงจำเป็นต้องมีระบบฝึกทีมสุขภาพอย่างจริงจังเพื่อป้องกันความสูญเสียนี้ โดยเริ่มจากทีมที่แข็งแกร่งและทักษะการสื่อสาร

         “การดูแลผู้ป่วยไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ใครเก่งที่สุด แต่ขึ้นอยู่กับว่าทีมทำงานด้วยกันได้ดีแค่ไหน งานวิจัยจำนวนมากชี้ตรงกันว่าความผิดพลาดทางการแพทย์ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากความรู้ไม่พอ แต่เกิดจากปัญหาทีมเวิร์ค” ผศ.พญ.ขวัญศิริ กล่าวย้ำ

         ER-VIPE จึงออกแบบมาเพื่อให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร รังสีเทคนิค เทคนิคการแพทย์ และบุคลากรสุขภาพสาขาอื่น ๆ ได้ฝึกซ้อมสถานการณ์จริงในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง โดยไม่เสี่ยงต่อชีวิตจริงของผู้ป่วย พร้อมรับคำแนะนำและวิเคราะห์การทำงานเป็นทีมและผลความปลอดภัยของผู้ป่วยและทีมให้เห็นเป็นรูปธรรมผ่านระบบดิจิทัล

         จากงานวิจัยชี้ชัดว่า การฝึกอบรมผ่าน ER-VIPE ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของผู้ป่วยอย่างมีนัยสำคัญช่วยลดความผิดพลาดทางการแพทย์เฉลี่ย 3.5 ครั้ง/เดือน ลดการเสียชีวิตเฉลี่ย 2.3 ราย/เดือน และเพิ่มความพึงพอใจผู้ป่วยเกือบ 1% ต่อเดือน

            “ โครงการ ER-VIPE  จึงไม่เพียงเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ แต่ยังเป็นนวัตกรรมเพื่อสังคมที่ช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารทำงานเป็นทีม (Non-Technical Skills) ของบุคลากรสุขภาพ ทั้งในห้องเรียนและการปฏิบัติงานจริง เพื่อเตรียมกำลังทรัพยากรมนุษย์ไว้ให้พร้อมรับมือกับวิกฤตและภัยพิบัติโลกอนาคตซึ่งไม่แน่นอน และช่วยให้ทีมสุขภาพทำงานได้อย่างมีความสุข ปลอดภัย และยั่งยืน และผู้ป่วยมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลที่ปลอดภัย” ผศ.พญ.ขวัญศิริ หัวหน้าโครงการ ER-VIPE กล่าว

  • CUD4S ชูโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม ขยายผลระดับประเทศ

     ด้าน ดร.ทรรศวรรณ ปรีดาวิภาต ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบเพื่อสังคม จุฬาฯ กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับศูนย์ออกแบบการศึกษาเพื่อสังคม CUD4S Academy แห่งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ จัดงานเสวนา “ER-VIPE พัฒนาทีมสุขภาพไทยอย่างยั่งยืน” เพื่อเปิดมุมมองใหม่ของผู้นำสหสาขาวิชาชีพในการพัฒนาทีมสุขภาพ และสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน ตามมาตรฐานสากล

         CUD4S มีความเชื่อว่าการออกแบบไม่ควรถูกจำกัดอยู่เพียงในรูปแบบสิ่งปลูกสร้าง แต่ยังสามารถออกแบบ “ระบบ” ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนได้จริง โดยโครงการ ER-VIPE ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ถือเป็นต้นแบบของระบบการเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่บูรณาการองค์ความรู้ด้านการแพทย์ การศึกษา และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาทักษะทีมสุขภาพ และลดความผิดพลาดในห้องฉุกเฉิน โดยได้เริ่มทดลองใช้ในโรงพยาบาลนำร่อง 5 แห่ง ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า โครงการสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารได้ถึง 28% ลดข้อผิดพลาดร้ายแรงในห้องฉุกเฉินได้ 38 ครั้ง และช่วยลดภาวะหมดไฟ (Burnout) ของบุคลากรอย่างมีนัยสำคัญ

            โครงการ ER-VIPE จึงไม่ใช่เพียงเครื่องมือในการฝึกอบรมเท่านั้น แต่ยังเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ (Human Error) ส่งเสริมความร่วมมือที่เข้าอกเข้าใจระหว่างทีมสุขภาพและครอบครัวผู้ป่วย ทำให้ทีมสามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น สะท้อนถึงการเป็น “นวัตกรรมเพื่อสังคม” (Social Innovation) ที่เชื่อมโยงสุขภาพ การศึกษา นวัตกรรม และความเสมอภาคเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

  • ผู้นำตัวแทนจาก 9 องค์กรวิชาชีพแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนสู่นโยบาย

         การเสวนาวิชาการ “ER-VIPE: พัฒนาทีมสุขภาพ สู่ความปลอดภัยผู้ป่วยอย่างยั่งยืน” ครั้งนี้ยังนับเป็นเวทีแรกที่ผู้นำจากองค์กรวิชาชีพด้านสุขภาพทั้ง 9 สาขา มาร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เพื่อหารือแนวทางขับเคลื่อน ER-VIPE สู่ระบบสุขภาพระดับชาติในประเด็นสำคัญ ได้แก่ การอบรมในสถานพยาบาลทุกระดับ การจัดทำ MOU กับหน่วยงานต้นแบบ การรับรองชั่วโมงการศึกษาต่อเนื่อง (CME, CNE, CPE, CMTE, RTCE) การบรรจุหลักสูตรในระบบอุดมศึกษาสายสุขภาพ  โดยได้รับเกียรติจากผู้นำจากองค์กรวิชาชีพด้านสุขภาพทั้ง 9 สาขา ร่วมเสวนา ประกอบด้วย

– พล.ต.ผศ.นพ.กิฎาพล วัฒนกูล ผู้แทนนายกแพทยสภา

– ทนพ.สมชัย เจิดเสริมอนันต์ นายกสภาเทคนิคการแพทย์

– รศ.ดร.สุจิตรา เหลืองอมรเลิศ นายกสภาการพยาบาล

– รศ.ภก.ปรีชา มนทกานติกุล กรรมการสภาเภสัชกรรม

– รศ.ดร.กิติวัฒน์ คำวัน ประธานหลักสูตรรังสีเทคนิค คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และกรรมการวิชาชีพรังสีเทคนิค กองสถานพยาบาลฯ กระทรวงสาธารณสุข

– อ.นพ.สุขุม กาญจนพิมาย นายกสมาคมผู้บริหารโรงพยาบาลประเทศไทย

– รศ.พญ.จิราภรณ์ ศรีอ่อน รองประธานวิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย

– นพ.กนก พิพัฒน์เวช รองผู้อำนวยการกองบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข

– พญ.ปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล

         ในเวทีเสวนาครั้งนี้ ตัวแทนทั้ง 9 องค์กรวิชาชีพเห็นพ้องร่วมกันว่า การทำงานร่วมกันเป็นทีมแบบสหวิชาชีพ (Interprofessional Collaboration) เป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยของผู้ป่วย (Patient Safety) ปัญหาสำคัญในระบบสุขภาพไทยไม่ได้เกิดจากความรู้ความสามารถของบุคลากรที่ไม่เพียงพอแต่มาจากการทำงานที่แยกส่วนและปัญหาเรื่องการสื่อสาร (Communication Breakdown) 

         การพัฒนาหลักสูตรที่เน้นการทำงานแบบสหสาขาวิชาชีพจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องผลักดันให้เป็นนโยบายระดับชาติ เพื่อพัฒนาศักยภาพการทำงานเป็นทีม เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ป่วย พร้อมผลักดัน TeamSTEPPS และ IPC สู่ระดับประเทศ เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมาย Zero Harm 2030 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยบูรณาการในทุกระดับ ตั้งแต่แผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) การอบรมวิชาชีพ ไปจนถึงมาตรฐานรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (HA) พร้อมเสนอให้ภาครัฐสนับสนุนทรัพยากรและนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การพัฒนาทีมสุขภาพนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนได้อย่างยั่งยืน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่:

ศูนย์ออกแบบเพื่อสังคม จุฬาฯ (CUD4S)

โทร. 0-2218-4316

Line OA: @cud4s

Email: contact@cud4s.ac.th

Website: www.ervipe.com

จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้

ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า