รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
ข่าวสารจุฬาฯ
10 สิงหาคม 2568
งานวิจัยและนวัตกรรม, ข่าวเด่น
เพราะทุกนาทีในห้องฉุกเฉินคือชีวิตของผู้ป่วย ศูนย์ออกแบบเพื่อสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CUD4S) ร่วมกับภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดตัว “ER-VIPE” (Emergency Room – Virtual Interprofessional Education) นวัตกรรมการศึกษาด้านการแพทย์ เพื่อฝึกอบรมทีมสหวิชาชีพดูแลผู้ป่วยวิกฤติฉุกเฉิน ผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง (Virtual Simulation) เสริมสร้างทักษะการทำงานเป็นทีมป้องกันความผิดพลาดจากมนุษย์ (Human Error) และยกระดับความปลอดภัยผู้ป่วย พร้อมระดมความคิดเห็นผู้แทน 9 องค์กรวิชาชีพสุขภาพ วางแนวทางขับเคลื่อนสู่นโยบายระดับชาติ ผ่านเวทีเสวนาวิชาการ “ER-VIPE : พัฒนาทีมสุขภาพ สู่ความปลอดภัยผู้ป่วยอย่างยั่งยืน” ควบคู่โครงการฝึกอบรม TeamSTEPPS Essential and IPE Virtual Simulation Workshop รุ่นที่ 2 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ณ ห้อง 1209 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยมี รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ผศ.พญ.ขวัญศิริ นราจีรณ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ แผนกเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ หัวหน้าโครงการ ER-VIPE กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน
การจัดงานในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ร่วมด้วยศูนย์ออกแบบการศึกษาเพื่อสังคม CUD4S Academy คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และ Takeda (Thailand), Ltd.
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ความปลอดภัยของผู้ป่วยคือหัวใจสำคัญของการดูแลทางการแพทย์ “ER-VIPE” ช่วยให้ทีมสหวิชาชีพสามารถพัฒนาทักษะ Non-Technical Skills ฝึกฝนการทำงานร่วมกันได้ผ่านเทคโนโลยี Virtual Simulation ในสถานการณ์จำลองเสมือนจริง ผลลัพธ์ชัดเจนว่านวัตกรรมการเรียนรู้นี้ช่วยยกระดับทั้งความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความสุขของทีมงานให้เกิดขึ้นได้จริง
การจัดงานครั้งนี้ยังเป็นเวทีแรกที่ผู้นำจากองค์กรวิชาชีพด้านสุขภาพทั้ง 9 สาขา ได้แก่ แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม สภาเทคนิคการแพทย์ และวิชาชีพรังสีเทคนิค กองสถานพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข วิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉิน สมาคมผู้บริหารโรงพยาบาล สถาบันรับรองคุณภาพโรงพยาบาล และกระทรวงสาธารณสุข มาร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ เพื่อหารือแนวทางขับเคลื่อน ER-VIPE สู่ระบบสุขภาพแห่งชาติ ให้ทุกคนปลอดภัยอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน ตามเป้าหมาย Zero Harm 2030 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ต้องการลดอันตรายที่สามารถป้องกันได้ในระบบการดูแลสุขภาพให้เป็นศูนย์ภายในปี 2030
ผศ.พญ.ขวัญศิริ นราจีนรณ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ แผนกเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และหัวหน้าโครงการ ER-VIPE กล่าวว่า “ER-VIPE เป็นนวัตกรรม“Med-Edutainment Technology” ที่ผสานพลังของ HEART (ภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจ) HEAD (MOOC ความรู้) และ HAND (เกมจำลองสถานการณ์) เพื่อออกแบบการเรียนรู้ทางการแพทย์ฉุกเฉินในรูปแบบที่สนุก เข้าใจง่าย โดยใช้เทคโนโลยีจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินเสมือนจริง (Virtual Simulation) ผสานแนวคิด TeamSTEPPS (Team Strategies and Tools to Enhance Performance and Patient Safety) หรือกลยุทธ์และเครื่องมือของทีมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผู้ป่วย ในการฝึกอบรม“ทีมสุขภาพสหสาขาวิชาชีพ” IPC (Inter-Professional Collaboration) ให้สามารถสื่อสาร ทำงานร่วมกัน และตัดสินใจในสถานการณ์วิกฤตอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันความผิดพลาดจากมนุษย์ (Human Error) ซึ่งพบว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของผู้ป่วยทั่วโลก
จากสถิติพบว่าการรับบริการทางการแพทย์ที่อาจไม่ปลอดภัยเกิดขึ้นในประเทศไทยสูงถึง 400,000 ครั้ง/ปี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 9,600 ล้านบาท/ปี ขณะที่ข้อมูลสถิติต่างประเทศเผยว่า การเสียชีวิตจาก “ข้อผิดพลาดทางการแพทย์” (Medical Error) มากกว่าเครื่องบินตกถึง 10,000 เท่า จึงจำเป็นต้องมีระบบฝึกทีมสุขภาพอย่างจริงจังเพื่อป้องกันความสูญเสียนี้ โดยเริ่มจากทีมที่แข็งแกร่งและทักษะการสื่อสาร
“การดูแลผู้ป่วยไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ใครเก่งที่สุด แต่ขึ้นอยู่กับว่าทีมทำงานด้วยกันได้ดีแค่ไหน งานวิจัยจำนวนมากชี้ตรงกันว่าความผิดพลาดทางการแพทย์ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากความรู้ไม่พอ แต่เกิดจากปัญหาทีมเวิร์ค” ผศ.พญ.ขวัญศิริ กล่าวย้ำ
ER-VIPE จึงออกแบบมาเพื่อให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร รังสีเทคนิค เทคนิคการแพทย์ และบุคลากรสุขภาพสาขาอื่น ๆ ได้ฝึกซ้อมสถานการณ์จริงในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง โดยไม่เสี่ยงต่อชีวิตจริงของผู้ป่วย พร้อมรับคำแนะนำและวิเคราะห์การทำงานเป็นทีมและผลความปลอดภัยของผู้ป่วยและทีมให้เห็นเป็นรูปธรรมผ่านระบบดิจิทัล
จากงานวิจัยชี้ชัดว่า การฝึกอบรมผ่าน ER-VIPE ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของผู้ป่วยอย่างมีนัยสำคัญช่วยลดความผิดพลาดทางการแพทย์เฉลี่ย 3.5 ครั้ง/เดือน ลดการเสียชีวิตเฉลี่ย 2.3 ราย/เดือน และเพิ่มความพึงพอใจผู้ป่วยเกือบ 1% ต่อเดือน
“ โครงการ ER-VIPE จึงไม่เพียงเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ แต่ยังเป็นนวัตกรรมเพื่อสังคมที่ช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารทำงานเป็นทีม (Non-Technical Skills) ของบุคลากรสุขภาพ ทั้งในห้องเรียนและการปฏิบัติงานจริง เพื่อเตรียมกำลังทรัพยากรมนุษย์ไว้ให้พร้อมรับมือกับวิกฤตและภัยพิบัติโลกอนาคตซึ่งไม่แน่นอน และช่วยให้ทีมสุขภาพทำงานได้อย่างมีความสุข ปลอดภัย และยั่งยืน และผู้ป่วยมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลที่ปลอดภัย” ผศ.พญ.ขวัญศิริ หัวหน้าโครงการ ER-VIPE กล่าว
ด้าน ดร.ทรรศวรรณ ปรีดาวิภาต ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบเพื่อสังคม จุฬาฯ กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับศูนย์ออกแบบการศึกษาเพื่อสังคม CUD4S Academy แห่งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ จัดงานเสวนา “ER-VIPE พัฒนาทีมสุขภาพไทยอย่างยั่งยืน” เพื่อเปิดมุมมองใหม่ของผู้นำสหสาขาวิชาชีพในการพัฒนาทีมสุขภาพ และสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน ตามมาตรฐานสากล
CUD4S มีความเชื่อว่าการออกแบบไม่ควรถูกจำกัดอยู่เพียงในรูปแบบสิ่งปลูกสร้าง แต่ยังสามารถออกแบบ “ระบบ” ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนได้จริง โดยโครงการ ER-VIPE ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ถือเป็นต้นแบบของระบบการเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่บูรณาการองค์ความรู้ด้านการแพทย์ การศึกษา และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาทักษะทีมสุขภาพ และลดความผิดพลาดในห้องฉุกเฉิน โดยได้เริ่มทดลองใช้ในโรงพยาบาลนำร่อง 5 แห่ง ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า โครงการสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารได้ถึง 28% ลดข้อผิดพลาดร้ายแรงในห้องฉุกเฉินได้ 38 ครั้ง และช่วยลดภาวะหมดไฟ (Burnout) ของบุคลากรอย่างมีนัยสำคัญ
โครงการ ER-VIPE จึงไม่ใช่เพียงเครื่องมือในการฝึกอบรมเท่านั้น แต่ยังเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ (Human Error) ส่งเสริมความร่วมมือที่เข้าอกเข้าใจระหว่างทีมสุขภาพและครอบครัวผู้ป่วย ทำให้ทีมสามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น สะท้อนถึงการเป็น “นวัตกรรมเพื่อสังคม” (Social Innovation) ที่เชื่อมโยงสุขภาพ การศึกษา นวัตกรรม และความเสมอภาคเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
การเสวนาวิชาการ “ER-VIPE: พัฒนาทีมสุขภาพ สู่ความปลอดภัยผู้ป่วยอย่างยั่งยืน” ครั้งนี้ยังนับเป็นเวทีแรกที่ผู้นำจากองค์กรวิชาชีพด้านสุขภาพทั้ง 9 สาขา มาร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เพื่อหารือแนวทางขับเคลื่อน ER-VIPE สู่ระบบสุขภาพระดับชาติในประเด็นสำคัญ ได้แก่ การอบรมในสถานพยาบาลทุกระดับ การจัดทำ MOU กับหน่วยงานต้นแบบ การรับรองชั่วโมงการศึกษาต่อเนื่อง (CME, CNE, CPE, CMTE, RTCE) การบรรจุหลักสูตรในระบบอุดมศึกษาสายสุขภาพ โดยได้รับเกียรติจากผู้นำจากองค์กรวิชาชีพด้านสุขภาพทั้ง 9 สาขา ร่วมเสวนา ประกอบด้วย
– พล.ต.ผศ.นพ.กิฎาพล วัฒนกูล ผู้แทนนายกแพทยสภา
– ทนพ.สมชัย เจิดเสริมอนันต์ นายกสภาเทคนิคการแพทย์
– รศ.ดร.สุจิตรา เหลืองอมรเลิศ นายกสภาการพยาบาล
– รศ.ภก.ปรีชา มนทกานติกุล กรรมการสภาเภสัชกรรม
– รศ.ดร.กิติวัฒน์ คำวัน ประธานหลักสูตรรังสีเทคนิค คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และกรรมการวิชาชีพรังสีเทคนิค กองสถานพยาบาลฯ กระทรวงสาธารณสุข
– อ.นพ.สุขุม กาญจนพิมาย นายกสมาคมผู้บริหารโรงพยาบาลประเทศไทย
– รศ.พญ.จิราภรณ์ ศรีอ่อน รองประธานวิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย
– นพ.กนก พิพัฒน์เวช รองผู้อำนวยการกองบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข
– พญ.ปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล
ในเวทีเสวนาครั้งนี้ ตัวแทนทั้ง 9 องค์กรวิชาชีพเห็นพ้องร่วมกันว่า การทำงานร่วมกันเป็นทีมแบบสหวิชาชีพ (Interprofessional Collaboration) เป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยของผู้ป่วย (Patient Safety) ปัญหาสำคัญในระบบสุขภาพไทยไม่ได้เกิดจากความรู้ความสามารถของบุคลากรที่ไม่เพียงพอแต่มาจากการทำงานที่แยกส่วนและปัญหาเรื่องการสื่อสาร (Communication Breakdown)
การพัฒนาหลักสูตรที่เน้นการทำงานแบบสหสาขาวิชาชีพจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องผลักดันให้เป็นนโยบายระดับชาติ เพื่อพัฒนาศักยภาพการทำงานเป็นทีม เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ป่วย พร้อมผลักดัน TeamSTEPPS และ IPC สู่ระดับประเทศ เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมาย Zero Harm 2030 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยบูรณาการในทุกระดับ ตั้งแต่แผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) การอบรมวิชาชีพ ไปจนถึงมาตรฐานรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (HA) พร้อมเสนอให้ภาครัฐสนับสนุนทรัพยากรและนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การพัฒนาทีมสุขภาพนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนได้อย่างยั่งยืน
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่:
ศูนย์ออกแบบเพื่อสังคม จุฬาฯ (CUD4S)
โทร. 0-2218-4316
Line OA: @cud4s
Email: contact@cud4s.ac.th
Website: www.ervipe.com
จุฬาฯ ร่วมจัดเวทีรักษาสิ่งแวดล้อม สะท้อนผลโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ ที่ปทุมธานี
สถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ รับสมัครเวทีเยาวชน กรุงเทพฯ “Youth Climate Action Heroes Challenge” ขับเคลื่อนสภาพภูมิอากาศสู่อนาคตยั่งยืน
12 ก.ย. 68
“สมาร์ทซอลต์” นวัตกรรมเกลือลดโซเดียม ผลงานบัณฑิต MBA จุฬาฯ คว้าเหรียญทองและ Special Award เวที Silicon Valley International Invention Festival 2025 ที่สหรัฐอเมริกา
จุฬาฯ จัดพิธีมอบเข็มทองคำเกียรติคุณและแสดงมุทิตาจิตแด่บุคลากรจุฬาฯ ผู้เกษียณอายุ ประจำปี 2568
สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จุฬาฯ ร่วมจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ the 7th EnvironmentAsia International Conference 2025
จุฬาฯ–สภากาชาดไทย ผนึกกำลังพัฒนายาชีววัตถุระดับอุตสาหกรรม เริ่มต้นจากยาต้านมะเร็งปอด เสริมความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศ
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้ ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้
ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้