สถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ จัดประชุมวิชาการนานาชาติ GLSBI 2025 สร้างเวทีความร่วมมือด้านวิชาการและนวัตกรรม ผลักดันสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดการประชุมวิชาการนานาชาติในหัวข้อ “Global Leadership in Social Business Innovation (GLSBI 2025)” ระหว่างวันที่ 28 – 29 สิงหาคม 2568 พิธีเปิดการประชุมเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 ณ ห้องราชเทวี 2 โรงแรมเอเชีย มี ศ.(พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานกล่าวเปิดงาน  ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ ร่วมเป็นเกียรติในงาน 

ทั้งนี้ หลังจาก รศ.ดร.อุ่นเรือน เล็กน้อย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ กล่าวรายงาน และ น.ส.วิชยา โกมินทร์ รองผู้อำนวยการด้านวิจัยและวิรัชกิจ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ กล่าวบนเวทีแล้ว  มีการแสดงจากคณะนักเรียนโรงเรียนสาธิตแห่งจุฬาฯ ฝ่ายประถม ในชุดฟ้อนกลองยาวสาธิตจุฬาฯ ร่าเริงใจ ฝึกซ้อมโดย ผศ.สุกัญญา ทรัพย์ประเสริฐ และการแสดงดนตรีไทย ฝึกซ้อมโดย อ.กีฏะ เพิ่มพูล  โดยได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ มอบของขวัญที่ระลึกให้แก่คณาจารย์และนักเรียน

ภายในงานมีการจัดเวทีเสวนา และการอภิปรายโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติในหลากหลายหัวข้อ และมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยนอร์ธเซาท์ ประเทศบังกลาเทศ

การประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับพันธมิตรนานาชาติ ได้แก่ Yunus Centre ร่วมด้วยสภาวิจัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์แห่งแคนาดา (The Social Sciences and Humanities Research Council of Canada) สถาบันสิ่งแวดล้อมสตอกโฮล์ม (Stockholm Environment Institute) และมูลนิธิยูนุสประเทศไทย (YunusThailand) โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมกว่า 200 คน ประกอบด้วยผู้บริหารมหาวิทยาลัย นักวิชาการ นักวิจัย ผู้ประกอบการ และภาคีเครือข่ายทั้งในประเทศและจากหลากหลายประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ราชอาณาจักรสวีเดน สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และสาธารณรัฐสิงคโปร์ ตอกย้ำบทบาทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะเวทีกลางระดับนานาชาติในการขับเคลื่อนองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อสังคม

ศ.(พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่โลกของเรากำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนในหลายมิติ ทั้งในเชิงการเมืองระหว่างประเทศ ด้านศีลธรรม เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งในระเบียบโลกที่กำลังเกิดขึ้นใหม่นี้ ความสามารถในการครอบงำ ไม่ได้มีความหมายเท่ากับความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจ การมีส่วนร่วมและการลงมือทำร่วมกัน ดังนั้นเราจึงต้องก้าวไปด้วยกัน โดยร่วมมือกันในทุกภาคส่วน ทุกศาสตร์ และทุกพรมแดนเพื่อกำหนดทิศทางของประเทศต่าง ๆ ที่เหมาะสม

“ธุรกิจเพื่อสังคม (Social Business) ไม่ใช่เพียงนวัตกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการทูต กลไกสร้างความเป็นธรรม และพลังแห่งสันติภาพ ธุรกิจเพื่อสังคมช่วยเสริมพลังให้ผู้ที่ถูกกีดกัน สร้างคุณค่าโดยปราศจากการเอารัดเอาเปรียบ และเปลี่ยนการเป็นผู้ประกอบการจากความมุ่งหวังส่วนตัวให้กลายเป็นภารกิจร่วมกัน ซึ่งจุฬาฯ ให้ความสำคัญกับพันธกิจนี้ผ่านสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ ที่มุ่งปรับองค์ความรู้ไปสู่การลงมือทำ เพื่อเปลี่ยนงานวิจัยให้เป็นนโยบายในภาคปฏิบัติที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากที่สุด” ศ.(พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ กล่าว

รศ.ดร.อุ่นเรือน เล็กน้อย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ กล่าวว่า การประชุมนานาชาติในครั้งนี้ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ มุ่งหวังในการสร้างเวทีให้นักวิชาการจากทั่วโลกร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลวิชาการต่าง ๆ ซึ่งกันและกัน เพื่อวางแนวทางความร่วมมือในระดับภูมิภาค การประชุมนานาชาติครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายเครือข่ายความร่วมมือ สร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เชื่อมโยงภาควิชาการ และภาคนโยบาย เพื่อผลักดันการขับเคลื่อนสังคมให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยประเด็นสำคัญในการแลกเปลี่ยนความรู้ ได้นำแนวคิดหลักของ H.E. Prof. Muhammad Yunus ประธานคณะที่ปรึกษารัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ปี 2006 มาประยุกต์ใช้ในสามด้านสำคัญคือ ศูนย์การว่างงาน ศูนย์ความยากจน และศูนย์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก นำมาหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และความยั่งยืน

“สถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ ได้สั่งสมประสบการณ์ในการทำงานกับชุมชนในระดับท้องถิ่นและการทำงานวิจัยในระดับนานาชาติ ซึ่งการประชุม Global Leadership ครั้งนี้มีการจัดการประชุมใน 18 หัวข้อ มีผู้ร่วมอภิปรายมากถึง 70 คน เป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างผู้นำที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริงต่อโลกได้ โดยทุกภาคส่วนจะนำความรู้ไปปรับใช้สู่การเป็นนโยบาย และนำสู่แผนปฏิบัติจริงเพื่อผู้คนในระดับชุมชนต่อไป โดยประเด็นหลักของการประชุมคือการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสร้างความเท่าเทียมในสังคม ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ และการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาร่วมแก้ปัญหาสังคม” รศ.ดร.อุ่นเรือน กล่าว

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันฯ มุ่งหวังให้การประชุมดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของการประชุมในระดับนานาชาติต่อเนื่องทุกปี เพื่อให้เกิดพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้สู่การนำไปปฏิบัติจริง โดยบทเรียนจากภูมิภาคต่าง ๆ จากทั่วโลก จะเป็นข้อมูลสำคัญที่สถาบันฯ นำไปประยุกต์ใช้เพื่อเชื่อมความรู้สู่นโยบายเชิงหลักฐานสู่การนำไปใช้จริง เพื่อยกระดับผลลัพธ์ทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

• Facebook
• Twitter
• Line