รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
ข่าวสารจุฬาฯ
8 กันยายน 2568
ข่าวเด่น
วัฒนธรรมองค์กร คำคมติดผนัง หรือ พลังขับเคลื่อนจริง?
เวลาเดินเข้าไปในออฟฟิศขององค์กรใหญ่ ๆ เรามักเห็นคำสวยหรูติดอยู่บนผนัง อาทิ เช่น Innovation, Integrity, Teamwork ดูไปก็เหมือนประโยคสร้างแรงบันดาลใจที่วางไว้สวย ๆ แปะผนังไว้เพื่อการตลาด และความสวยงามเท่านั้น แต่คำถามที่สำคัญคือ คำสวยหรูติดผนังเหล่านี้ตามองค์กรใหญ่ๆ เป็นเพียงแค่ “สโลแกน” หรือ เป็น “ความจริง” ที่หล่อหลอมชีวิตประจำวันของคนในองค์กรนั้นจริง ๆ บทความนี้นำเสนอคำตอบในเรื่องนี้จากมุมมองของนักวิชาการ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ สำหรับในทางวิชาการ นั้น “วัฒนธรรมองค์กร” ไม่ใช่เรื่องของการตกแต่งสวยหรู เพื่อการตลาด หากแต่มันคือ ดีเอ็นเอ (DNA) ที่มองไม่เห็นขององค์กร เป็นบรรทัดฐานภายในองค์กรที่กำหนดว่าผู้บริหารจะมีตัดสินใจอย่างไร พนักงานจะรับมือกับปัญหาแบบไหน และบริษัทจะอยู่รอดยั่งยืนหรือไม่
ในโลกธุรกิจยุคใหม่ วัฒนธรรมองค์กรจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการแข่งขันทางธุรกิจในยุคโลกาภิวัฒน์นั้นไม่ได้แข่งขันกันด้วยโรงงานขนาดใหญ่หรือเงินทุนหนาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป หากแต่ยังแข่งกันด้วยสิ่งที่จับต้องไม่ได้ (intangible assets) อย่างเช่น ความคิดสร้างสรรค์ ความคล่องตัว และแรงบันดาลใจของพนักงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะถูกนำมาต่อยอดได้ก็ต่อเมื่อองค์กรมีวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการทดลอง พร้อมยอมรับความล้มเหลว และเรียนรู้จากมัน หากองค์กรมีวัฒนธรรมที่เปรียบเสมือนกำแพงสูง ปิดกั้นไอเดียใหม่และยึดติดกับความสำเร็จเดิม ๆ องค์กรนั้นๆก็จะไม่ต่างจากเรือลำใหญ่ที่ไม่สามารถฝ่าคลื่นลมเศรษฐกิจโลกได้ทันท่วงที ในทางกลับกัน หากองค์กรมีวัฒนธรรมที่เป็นเสมือนสะพานเปิดทางให้คนกล้าคิดและลงมือทำ องค์กรก็พร้อมจะเจอทั้งโอกาสและความเสี่ยง แล้วสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้อย่างรวดเร็ว
วัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งจึงเป็นเสมือนระบบภูมิคุ้มกันขององค์กรนำพาให้องค์กรสามารถก้าวผ่านวิกฤตต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ในวันที่โรคระบาดโควิด-19 ปิดโลกทั้งใบ พบว่าองค์กรที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลงและมีวัฒนธรรมการเรียนรู้ สามารถปรับตัวไปสู่การทำงานแบบออนไลน์และการบริการดิจิทัลได้ทันเวลา สามารถสู้กับวิกฤตโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิเช่น MUJI เปิดร้านค้าออนไลน์แห่งแรกบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Lazada หรือ แบรนด์คาเฟ่ร้านเบเกอรีชื่อดัง After You ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ด้วยการเน้นขายเดลิเวอรี ซื้อกลับบ้าน ไปจนถึงการออกบูทขายสินค้าและป๊อบอัพสโตร์กระจายตามหัวเมืองใหญ่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เป็นต้น ในขณะที่อีกหลายๆองค์กรที่ยึดติดกับวิถีการทำธุรกิจแบบเดิม ๆ กลับสะดุดจนถึงขั้นล้มละลาย และไม่สามารถก้าวข้ามวิกฤตโควิด-19 ได้ อาทิเช่น การบินไทย นกสกู๊ต และวุฒิศักดิ์คลินิก เป็นต้น
ดังนั้น คำถามที่สำคัญในวันนี้ไม่ใช่เพียงว่าบริษัททำกำไรได้เท่าไร แต่คือ บริษัทมีวัฒนธรรมองค์กรแบบไหน เพราะในระยะยาว นี่คือปัจจัยที่จะชี้ชัดว่าองค์กรจะอยู่รอดอย่างยั่งยืนได้จริงหรือไม่
งานวิจัยใหม่: วัฒนธรรมนวัตกรรมช่วยยกระดับ ESG
ผลการศึกษาล่าสุดโดยนักวิจัยจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยเวิสเทิรน์ออสเตรเลีย ที่เก็บข้อมูลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกว่า 700 แห่งในช่วง 20 ปี พบว่า บริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรเชิงนวัตกรรมสูง มักทำผลงาน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ได้ดีกว่าบริษัททั่วไป พูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ องค์กรที่เปิดพื้นที่ให้พนักงานคิดใหม่ทำใหม่ มักจะไม่ใช่แค่ “ทำกำไร” แต่ยัง “ทำเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” ไปพร้อมกัน ผลวิจัยบอกว่า หากระดับวัฒนธรรมนวัตกรรมเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย คะแนน ESG ของบริษัทอาจกระโดดขึ้นถึง 25% ซึ่งถือว่าสูงมากในเชิงเศรษฐมิติ
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? เพราะนวัตกรรมคือกลไกที่ผลักให้องค์กร “มองไกลกว่าไตรมาสหน้า” บริษัทกล้าที่จะลงทุนในเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน สร้างระบบตรวจสอบแรงงานที่โปร่งใส หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนกว่า และสิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาเป็นคะแนน ESG ที่จับต้องได้จริง
กรณีศึกษาในไทย: เมื่อวัฒนธรรมเปลี่ยน ทิศทางธุรกิจเปลี่ยน
ในตลาดทุนไทย เราสามารถพบเห็นองค์กรหลายแห่งที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง สามารถนำพาองค์กรให้พัฒนาได้อย่างยั่งยืน ตัวอย่างเด่น ๆ ได้แก่ ท่ามกลางปัญหาสภาวะโลกร้อน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) ยักษ์ใหญ่พลังงานฟอสซิลของไทย ได้นำวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมมาใช้ปรับธุรกิจหลัก ด้วยการลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และ พลังงานสะอาด โดยตั้งศูนย์วิจัยและบ่มเพาะสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่กลยุทธ์ทางธุรกิจ แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยน “DNA” ขององค์กรไปสู่การพัฒนายั่งยืน
ในขณะที่ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (Thai Union) ได้เปลี่ยนผ่านจากการเผชิญความท้าทายในอดีตด้านแรงงาน มาสู่การเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามหลัก ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) อย่างเป็นรูปธรรม จนได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารของโลก จากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ประจำปี 2561 2562 2565 และปี 2567 หนึ่งในกุญแจสำคัญคือการนำนวัตกรรม เทคโนโลยี traceability เพื่อตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของสินค้า ให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าปลาทูน่าที่ซื้อมานั้นไม่ได้มาจากการประมงผิดกฎหมาย พร้อมทั้งลงทุนในโปรตีนทางเลือกเพื่อลดผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเล นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก เพื่อสะสมกระแสเงินสดที่จำเป็นสำหรับต่อยอดไปสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ขยายตัวรวดเร็วอาทิเช่น อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารแช่แข็ง อาหารพร้อมรับประทาน และธุรกิจวัตถุดิบและส่วนประกอบอาหาร เป็นต้น ท้ายที่สุดนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นที่จะแสวงหาไอเดียและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ความพยายามทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงแค่กลยุทธ์ทางธุรกิจ แต่คือการเปลี่ยน “DNA” ขององค์กรเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของไทยยูเนี่ยนในอนาคตอย่างยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG) เป็นอีกตัวอย่างที่ชัดเจนขององค์กรที่นำวัฒนธรรมนวัตกรรมมาเป็นแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาสินค้าและบริการสีเขียว ตั้งแต่ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำไปจนถึงบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เอสซีจีได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ติดต่อกันกว่า 20 ปี และยังได้รับการยอมรับจากหลายดัชนีสากลอื่น ๆ เช่น Sustainalytics และ MSCI ESG Ratings ความสำเร็จเหล่านี้สะท้อนว่าความยั่งยืนไม่ใช่เพียงโครงการชั่วคราว แต่ได้กลายเป็น DNA ขององค์กรที่ใช้นวัตกรรมเป็นตัวเชื่อมธุรกิจกับสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างแท้จริง
ในขณะที่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (Bangchak) ใช้นวัตกรรมเป็นแรงขับเคลื่อนในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน มาสู่การเป็นองค์กรพลังงานที่ยึดหลัก ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) อย่างจริงจัง บริษัทลงทุนในเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) จากน้ำมันใช้แล้ว และโครงการพลังงานสะอาดหลากหลายรูปแบบ พร้อมตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และ Net Zero ภายในปี 2593 ความพยายามเหล่านี้สะท้อนการเปลี่ยน “DNA” ของบางจากจากธุรกิจพลังงานฟอสซิล ไปสู่องค์กรที่ใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับสังคมและสิ่งแวดล้อม
บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (Delta) ใช้นวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความยั่งยืน ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดการใช้พลังงานและการปล่อยคาร์บอน ผ่านการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ของ Delta จึงไม่เพียงตอบโจทย์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง ความสำเร็จเหล่านี้ทำให้บริษัทได้รับการยอมรับในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ต่อเนื่อง และกลายเป็นหนึ่งในองค์กรต้นแบบด้านนวัตกรรมพลังงานสะอาดของไทย โดยมี ESG ฝังอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรอย่างมั่นคง
แม้แต่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่าง บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) ก็ใช้นวัตกรรมด้านการจัดการทรัพยากรและโมเดลธุรกิจสีเขียวในการขับเคลื่อนองค์กร โรงแรมในเครือพัฒนาแนวทางใหม่ ๆ เพื่อลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อห้องพักอย่างต่อเนื่อง ลดการใช้น้ำ และเพิ่มการรีไซเคิลของเสียให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การลงทุนในพลังงานสีเขียวและระบบจัดการของเสียที่ล้ำสมัย ไม่เพียงช่วยให้ MINT กำหนดเป้าหมายสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 แต่ยังยกระดับการท่องเที่ยวไทยให้เคารพต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ยั่งยืนให้แก่ผู้เข้าพัก
เทรนด์ต่างประเทศ: บทเรียนที่ไทยควรมอง
บนเวทีโลกก็มีตัวอย่างที่โดดเด่นอย่าง ยูนิลีเวอร์ (Unilever) แสดงให้เห็นว่านวัตกรรมสามารถเป็นพลังขับเคลื่อนความยั่งยืนได้จริง บริษัทให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตั้งแต่การใช้จุลชีพและชีววิทยาสมัยใหม่ ไปจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ลดการพึ่งพาพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ความก้าวหน้าเหล่านี้ไม่เพียงตอบโจทย์ผู้บริโภค แต่ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน สนับสนุนเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม เมื่อผสานนวัตกรรมเข้ากับเป้าหมายด้าน ESG ยูนิลีเวอร์จึงได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในองค์กรที่ผู้บริโภคทั่วโลกไว้วางใจมากที่สุดด้านความยั่งยืน
เทสลา (Tesla) มุ่งขับเคลื่อนโลกสู่พลังงานสะอาด ผ่านการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน และโซลาร์เซลล์ที่ทำงานร่วมกันเป็นระบบครบวงจร ผลลัพธ์คือการช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากการเดินทางและการผลิตพลังงานแบบดั้งเดิม ควบคู่ไปกับการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและมีการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน ทำให้ Tesla กลายเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงโลกสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะที่แดนโน่ (Danone) จากฝรั่งเศสเน้นว่านวัตกรรมด้านวิจัยและพัฒนาเป็นหัวใจหลักขององค์กร โดยยึดแนวทางห้าเสาหลัก ได้แก่ นวัตกรรมบนฐานวิทยาศาสตร์ โภชนาการเฉพาะบุคคล ความเป็นเลิศของผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง และงานวิจัยเชิงอนาคต เสาหลักเหล่านี้ช่วยผลักดันให้องค์กรสร้างสรรค์โภชนาการที่ดีต่อสุขภาพและเข้าถึงผู้คนในทุกช่วงชีวิต ความก้าวหน้านี้ยังสะท้อนออกมาในมิติ ESG ผ่านกลยุทธ์ “Renew Danone” ที่ส่งเสริมเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู ลดการปล่อยก๊าซมีเทน และสนับสนุนการเข้าถึงน้ำสะอาดในชุมชนทั่วโลก ขณะเดียวกัน แดนโน่ยังลงทุนพัฒนาทักษะบุคลากรผ่านโครงการ Dan’Skills และ Danone AI Academy การผสานนวัตกรรมเข้ากับกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ทำให้แดนโน่ไม่เพียงบรรลุผลลัพธ์เชิงความยั่งยืน แต่ยังสร้าง วัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนอย่างแท้จริง
ไทยอยู่ตรงไหนบนเวทีโลก?
ถ้าเทียบระดับประเทศ ไทยถือว่ามีความก้าวหน้าไม่น้อย จากรายงานการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดย ศาสตราจารย์ Sachs และทีมวิจัย พบว่า คะแนน SDG ในปี ค.ศ. 2023 และ 2025 ไทยอยู่อันดับที่ 43 ของโลก และครองอันดับหนึ่งในอาเซียนด้านความยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ขณะเดียวกัน หากเปรียบเทียบกับประเทศในเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ ไทยอยู่ในอันดับที่ 3 รองจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ความก้าวหน้านี้ส่วนหนึ่งสะท้อนว่าองค์กรไทยจำนวนไม่น้อยได้นำนวัตกรรมมาปรับใช้ ตั้งแต่การพัฒนาพลังงานสะอาด บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ไปจนถึงการใช้ดิจิทัลในการตรวจสอบความโปร่งใส ในตลาดทุนเอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้พัฒนา ดัชนี SETTHSI และระบบ ESG Ratings เพื่อสนับสนุนให้บริษัทไทยเข้าสู่มาตรฐานโลกจนหลายบริษัท เช่น SCG, ปตท., ไทยยูเนี่ยน และบางจาก ยังคงได้รับการยอมรับใน DJSI อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าบริษัทไทยกำลังก้าวขึ้นมาอยู่ “แถวหน้า” ของภูมิภาคเอเชีย ในด้านของความยั่งยืน
บทสรุป: วัฒนธรรมคือเงื่อนไขการอยู่รอด
ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า วัฒนธรรมองค์กรไม่ใช่แค่คำคมบนฝาผนัง แต่มันคือเข็มทิศที่กำหนดอนาคตของบริษัท และในยุคที่ความยั่งยืนไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่คือ “เงื่อนไขการอยู่รอด” องค์กรที่มี DNA ของนวัตกรรมย่อมมีศักยภาพในการแข่งขันมากกว่า ทั้งในตลาดไทยและเวทีโลก
คำถามที่อยากทิ้งไว้กับผู้อ่านคือ: บริษัทที่คุณลงทุนอยู่ หรือแม้กระทั่งบริษัทที่คุณทำงานอยู่ มี DNA ของนวัตกรรมจริงหรือเป็นเพียงคำพูดสวยหรู? เพราะสุดท้ายแล้ว นี่แหละคือสิ่งที่จะบอกว่าองค์กรจะยืนระยะได้หรือไม่ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนทุกวัน
อ้างอิง
Likitapiwat, T., Sarita, S., Treepongkaruna, S. and Chan, K., 2024, “Corporate innovation culture and ESG: Evidence from textual analysis in emerging market,” Economics Letters, 244, 112047, https://doi.org/10.1016/j.econlet.2024.112047
Sachs, J.D., Lafortune, G., Fuller, G., Drumm, E. (2023). Implementing the SDG Stimulus. Sustainable Development Report 2023. Paris: SDSN, Dublin: Dublin University Press, 2023. 10.25546/102924 https://dashboards.sdgindex.org/chapters
Sachs, J.D., Lafortune, G., Fuller, G., Iablonovski, G. (2025). Financing Sustainable Development to 2030 and Mid-Century. Sustainable Development Report 2025. Paris: SDSN, Dublin: Dublin University Press. DOI: https://doi.org/10.25546/111909
Treepongkaruna, S., Sarajoti,P., and Korphaibool, V., 2025. “Unlocking Synergies: Sufficiency Economy Philosophy for Sustainability,” Business Strategy and the Environment, vol. 34(3), pp. 3446-3468, March.
บทความนี้เขียนโดย
นิสิตคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ กวาดรางวัลการแข่งขันกรณีศึกษาทางบัญชีระดับประเทศ ครั้งที่ 9 ประจำปี 2568
ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาฯ จัดการประกวดโครงงานนวัตกรรม“Thailand Halal Scientists Competition & Healthcare Innovation 2025”
งาน “ชัยพัฒนา จุฬา แฟร์”: The Power of Unseen เปิดแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านนิสิตจุฬาฯ
“Asia’s Next Innovator Ideathon 2025” นิสิตจุฬาฯ นำเสนอแนวคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อพัฒนาสังคมไทย
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ รับมอบรถรับบริจาคเลือดสัตว์เลี้ยงเคลื่อนที่จากอินเทลโนเวชั่น ต่อยอดงานวิชาการ เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงที่เจ็บป่วย
สถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ จัดบรรยายสาธารณะนานาชาติ “AI in Higher Education for Innovation in Learning & Research” เชื่อมโยงไทยกับผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด
คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้