จุฬาฯ เปิดรับนิสิตใหม่ผ่านระบบ TCAS 2569 โปร่งใส ชัดเจน เปิดโอกาสให้กับทุกคน

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดรับคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี ปีการศึกษา 2569 โดยรับสมัครด้วยระบบ TCAS (Thai University Center Admission System) ทั้งหลักสูตรปกติและหลักสูตรนานาชาติ เริ่มต้นการรับ TCAS 69 ในรอบแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568

ผศ.ทพ.ดร.ศุภชัย ชื่นจิตรวงษา ผู้ช่วยอธิการบดี ด้านโครงสร้างและระบบสนับสนุนวิชาการ นวัตกรรมการเรียนรู้ การประกันคุณภาพหลักสูตร และมาตรฐานวิชาชีพ จุฬาฯ กล่าวว่า “นโยบายหลักของมหาวิทยาลัยสำหรับการรับเข้าในปี 2569 คือ ชัดเจน โปร่งใส ตรงไปตรงมา โดยจุฬาฯ เปิดโอกาสให้กับทุกคน” ตามยุทธศาสตร์ของอธิการบดีจุฬาฯ ที่เพิ่มเติมจากเดิมคือ “จุฬาฯเติบโตรอบทิศ มีนิสิตเป็นศูนย์กลาง” สู่นโยบาย “จุฬาฯ เติบโตท่วมท้น มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” โดย  จุฬาฯ เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเรียนกับจุฬาฯ ได้ตั้งแต่ระดับประถมหรือมัธยม เพื่อเปิดโอกาสการเรียนรู้ใหม่ ๆ นักเรียนสามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวเพื่อสอบเข้า TCAS ในรอบ 1 และรอบ 2 ได้ด้วย”

สัดส่วนการรับนิสิตชัดเจน

สำหรับหลักสูตรปกติ CU TCAS มีทั้งหมด 3 รอบ 

รอบที่ 1 แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) รับสมัครบนระบบ CU TCAS ระหว่างวันที่  3 – 17 พฤศจิกายน 2568

รอบที่ 2 โควตา (Quota) รับสมัครบนระบบ CU TCAS ระหว่างวันที่ 12 – 23 กุมภาพันธ์ 2569
รอบที่ 3 Admission รับสมัครบนระบบ myTCAS ระหว่างวันที่  6 – 12 พฤษภาคม 2569

สำหรับหลักสูตรนานาชาติ มีทั้งหมด 2 รอบ  

รอบที่ 1 Early Admission รับสมัครระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน – 26 ธันวาคม 2568

รอบที่ 2 Admission รับสมัครระหว่างวันที่ 2 – 31 มีนาคม 2569

“จุฬาฯ เปิดรับนิสิตเพียง 3 รอบ โดยไม่ได้เปิดรับรอบที่ 4 สัดส่วนการรับแต่ละรอบของจุฬาฯ จะแตกต่างจากภาพรวมระดับประเทศที่จะรับรอบ 1 และรอบ 2 ในสัดส่วนที่สูงกว่า สาเหตุที่จุฬาฯ รับรอบ 3 จำนวนมากกว่าเพราะแต่ละคณะมีการวิเคราะห์แล้วว่าลักษณะของผู้รับสมัครในแต่ละรอบนั้นมีความแตกต่างกัน จุฬาฯ จึงให้อิสระแก่แต่ละคณะในการกำหนดสัดส่วนการรับเพื่อให้ตอบโจทย์ของคณะนั้น ๆเช่น คณะทันตแพทย์พบว่าเด็กที่มีศักยภาพสูงมากจะอยู่ที่รอบ 1 และรอบ 2 เมื่อเทียบกับรอบ 3 ขณะที่คณะเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์แล้วว่าเด็กที่อยู่รอบ 3 มีศักยภาพสูงกว่ารอบ 1 และรอบ 2 เนื่องจากวิชาการในการเรียนเศรษฐศาสตร์ต้องแน่นกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครไม่ควรเปรียบเทียบระหว่างรอบ เพราะแต่ละรอบมีวิธีการวัดและคุณลักษณะที่ต้องการแตกต่างกันอย่างชัดเจน”  

รอบ Portfolio เน้นผลงานและตัวตน

รอบที่ 1 (Portfolio) เป็นไปตามหลักการที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กำหนดไว้ คือต้องการเด็กที่มีคุณลักษณะพิเศษหรือความสามารถพิเศษที่ไม่ใช่เชิงวิชาการ

 “ในรอบนี้จุฬาฯ ยังคงมองหาผู้สมัครที่มีคุณลักษณะเบื้องต้นด้านวิชาการเพื่อคัดกรองก่อน แต่หลักสำคัญคือการพิจารณาจาก Portfolio และการสัมภาษณ์ น้อง ๆ ควรทำการบ้านอ่านคุณสมบัติของแต่ละหลักสูตรให้ชัดเจน แต่ละคณะอยากได้นิสิตที่แตกต่างกัน เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ รอบ 1 ไม่ได้สนใจเชิงวิชาการมากนัก แต่ต้องการผู้ที่มีศักยภาพในการสร้างสรรค์หรือทำโปรเจกต์ของตนเอง ส่วนคณะทันตแพทย์ รอบที่ 1 มีการแข่งขันต่ำ แต่ผู้ที่เข้าได้ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง เช่น ถูกคาดหวังว่าต้องเริ่มทำวิจัยตั้งแต่ปี 2 และต้องไปนำเสนอผลงานวิชาการที่ต่างประเทศ”

สำหรับคณะที่เน้นคัดเลือกนิสิตจากรอบที่ 1 คือ คณะที่เน้นเรื่องของความสามารถและผลงานโดยตรง เช่น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และคณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะกรรมการจะดูจากจากไอเดียและการออกแบบที่เคยทำมา สำหรับคณะสายวิชาการ เช่น คณะทันตแพทยศาสตร์  คณะวิศวกรรมศาสตร์ จะเน้นกิจกรรมเชิงวิชาการ ซึ่งผู้สมัครต้องเขียนไว้เป็นรายละเอียดใน Portfolio

ผศ.ทพ.ดร.ศุภชัย ย้ำว่า “การจัดทำ Portfolio ไม่ได้เน้นความสวยงาม แต่เน้นตัวตนของผู้สมัคร กิจกรรมที่จะทำให้ได้คะแนนสูงในรอบนี้ไม่ใช่ที่แค่สมัครอย่างเดียว ผู้สมัครต้องเข้าร่วมกิจกรรมด้วย การเข้าร่วมกิจกรรมไม่จำเป็นต้องถึงระดับนานาชาติ จะเป็นกิจกรรมระดับชาติก็ได้ แต่ต้องทำจริงและอยู่กับกิจกรรมนั้น คะแนนสูงสุดจะมาจากการสัมภาษณ์เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ทำในพอร์ตนั้นเป็นสิ่งที่ผู้สมัครได้ทำจริง”

รอบ Quota และ Admission

ผศ.ทพ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่าสำหรับรอบ Quota จะเน้นพื้นที่ เช่น โครงการจุฬาชนบท ซึ่งตอบโจทย์เด็กที่อยู่ในพื้นที่ขาดแคลนหรือต้องการโอกาส นอกจากนี้ยังรวมถึงเด็กจากโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ซึ่งนับเป็นพื้นที่ของมหาวิทยาลัย และ Quota ความสามารถพิเศษจะเน้นความสามารถทางกีฬาหรือดนตรีในระดับชาติ

รอบที่ 3 Admission วัดด้วยความสามารถทางวิชาการโดยตรง หากผู้สมัครเป็นผู้ที่มีความสามารถทางวิชาการอยู่แล้วและไม่ได้เน้นกิจกรรมมากนักควรสมัครที่รอบ Admission และอย่าฝืนตัวเองไปสมัครรอบที่ 1 หรือ รอบที่ 2 ถ้าไม่ใช่ทางที่ถนัด

“น้อง ๆ ควรดูเกณฑ์ของแต่ละหลักสูตรให้ดีว่าใช้คะแนนตัวไหนมากหรือน้อย และตัวเองถนัดคะแนนแบบใด ไม่อยากให้เปรียบเทียบนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกในแต่ละรอบ เพราะจุฬาฯ เราไม่เคยเทียบศักยภาพของนิสิตที่เข้ามาในแต่ละรอบ ดังนั้นถ้าน้อง ๆ นักเรียนมีความสามารถ มีความชอบ และเหมาะสมกับรอบไหน ก็ให้สมัครเข้ามาในรอบนั้น”

ผศ. ทพ. ดร.ศุภชัย ให้คำแนะนำแก่ผู้ที่กำลังสมัคร TCAS และเลือกสถาบันการศึกษาว่า “TCAS ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต การเข้ามหาวิทยาลัยเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ชีวิตยังมีอะไรอีกหลายมุมมอง  ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรไม่ได้เป็นสิ่งผิด แต่ต้องมีวิธีการทำอย่างไรให้ตอบได้ ควรไปทำกิจกรรมและกลับมาถามตัวเองว่าอะไรที่ใช่ แล้วจึงเริ่มโฟกัสในสิ่งนั้น”

Don’t Do เมื่อสมัครรอบ Portfolio

• ไม่สนใจเนื้อหา เน้นรูปแบบ ไม่ต้องสนใจรูปแบบการนำเสนองาน เช่น ต้องใช้สีชมพู เพราะไม่มีคะแนนส่วนนี้ จุฬาฯ ดูที่เนื้อหาเป็นหลัก
• จ้างคนทำ Portfolio การจ้างคนทำอาจช่วยให้ผ่านได้ แต่จะผ่านการสัมภาษณ์ได้ยาก เพราะกรรมการจะวัดกระบวนการคิดและถามคำถามที่วัดความเข้าใจเชิงวิชาการหรือการแก้ปัญหา ทำให้ผู้สมัครตอบไม่ได้ถ้าไม่ได้ทำ Portfolio เอง
• ไม่อ่านเกณฑ์และส่งเอกสารไม่ครบ ผู้สมัครมักไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ หากเอกสารไม่ครบตามที่ระบุไว้ก็จะไม่ผ่าน
• การปลอมแปลงเอกสาร เป็นเรื่องที่ร้ายแรง ทางจุฬาฯ สามารถตรวจสอบย้อนหลังกับต้นทางได้ทั้งหมด หากตรวจพบการปลอมแปลงภายหลัง แม้จะใกล้จบ ม. 6 หรือใกล้รับปริญญา ก็ถือเป็นโมฆะ
• การส่งเอกสารล่าช้า การส่งในวันสุดท้ายมักทำให้เกิดปัญหา เช่น อินเทอร์เน็ตมีปัญหา ควรเข้าสู่ระบบ อัปโหลดเอกสาร ตั้งแต่เนิ่น ๆ
• เน้นปริมาณ ไม่เน้นคุณภาพ ผู้สมัครบางกลุ่มทำกิจกรรมเยอะ จนไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรจริง ๆ การทำเช่นนี้ทำให้คะแนน Portfolio ไปไม่ถึงเกณฑ์คะแนนสูงสุด เพราะทำหลายอย่างแต่ไม่ได้เน้นเรื่องอะไรจริงจัง

• Facebook
• Twitter
• Line