รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
ข่าวสารจุฬาฯ
26 พฤศจิกายน 2568
ข่าวเด่น
การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สร้างความอาดูรแก่คนไทยทั้งชาติ พิธีเคลื่อนขบวนพระบรมศพจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ไปยังพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เป็นเหตุการณ์ที่ยังจารึกในใจของพสกนิกรชาวไทยที่ได้เฝ้าฯ ส่งเสด็จด้วยความอาลัยยิ่งเส้นทางการเคลื่อนขบวนพระบรมศพในวันนั้นผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยบนถนนพญาไท ตลอดระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ตั้งแต่บริเวณคณะนิติศาสตร์จนถึงสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ มีชาวจุฬาฯ ทั้งผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นิสิตเก่า นิสิตจากทุกคณะ รวมถึงนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ พร้อมใจเฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ ในขบวนอัญเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ถือเป็นภาพประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่ชาวจุฬาฯ ที่มีส่วนร่วมทุกคนจะจดจำตลอดไป
รศ.ดร.สุกัญญา สมไพบูลย์ รองอธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่าการเข้าร่วมพิธีส่งเสด็จในการเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงผ่านพื้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น ถือเป็น“เกียรติอันสูงสุดในชีวิต”สำหรับประชาคมจุฬาฯ ขณะที่ขบวนเสด็จผ่าน ผู้เข้าร่วมพิธีหลายคนอดที่จะน้ำตาซึมไม่ได้ ทุกคนพยายามทำให้ร่างกายนิ่งที่สุด แต่ภายในใจกลับสั่นสะท้าน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเวลานั้นแสดงถึงความตระหนักในพระราชกรณียกิจที่ได้เห็นมาตลอดชีวิต ซึ่งเป็นการแสดงความเคารพเป็นครั้งสุดท้ายถวายพระองค์ท่าน
การเตรียมการจัดพิธีนี้มีขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 25 ตุลาคมซึ่งผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้ประชุมหารือกันอย่างรวดเร็ว เพื่อเชิญชวนประชาคมจุฬาฯ รวมถึงนักเรียนสาธิตจุฬาฯ ได้มาร่วมพิธี โดยสำนักบริหารกิจการนิสิตได้วางแผนจัดการพื้นที่ ตั้งแต่ประตูรั้วคณะนิติศาสตร์ไปจนถึงซอยจุฬาฯ 12 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะรองรับผู้เข้าร่วมพิธีได้ประมาณ 1,000 คน แม้จะมีเวลาเพียง 1 วันในการเชิญชวนนิสิตนิสิตมาร่วมงาน แต่การตอบรับจากนิสิตและคณาจารย์ก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว วันนั้นมีนิสิตเข้าร่วมประมาณ 700 คน นักเรียนสาธิตนับร้อยคน บุคลากรและคณาจารย์ 400–500 คน
รศ.ดร.สุกัญญาเผยว่ามหาวิทยาลัยต้องการให้ภาพที่ออกมามีความสง่างามและเป็นระเบียบ โดยเฉพาะนิสิตและนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ซึ่งแต่งกายชุดสีขาวอยู่ด้านหน้าสุดของแถว และให้เกิดภาพประวัติศาสตร์ของการถวายบังคมเพื่อแสดงความเคารพสูงสุด เนื่องจากพื้นที่ที่ส่งเสด็จเป็นฟุตบาท และเพื่อความสวยงามของการถอนสายบัวหรือการโค้งคำนับ จึงมีการประสานงานขอความอนุเคราะห์ยืมเสื่อจากวัดปทุมวนารามมาปูตลอดระยะทาง 1 กิโลเมตร โดยมีจิตอาสามาช่วยปูเสื่อตั้งแต่ช่วงเที่ยง การจัดการพื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะเปิดกว้างให้ประชาชนทั่วไปด้วย โดยขอความร่วมมือจากประชาชนทั่วไปให้อยู่แถวที่ 2 เพื่อให้ภาพแถวหน้าเป็นน้องนิสิต ซึ่งประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นอกจากนี้ทีมงานยังได้เตรียมโบว์ดำ 1,000 อันให้นิสิตติดที่ชุดเครื่องแบบนิสิตเพื่อแสดงความเคารพอีกด้วย โดยนัดหมายนิสิตให้มาถึงจุฬาฯ เวลาบ่ายสองโมงครึ่ง รวมทั้งคณะครุศาสตร์ได้เปิดพื้นที่ห้องประชุมในคณะให้พักผ่อน พร้อมทั้งมีน้ำและขนมแจก
รศ.ดร.สุกัญญาเล่าถึงบรรยากาศในวันนั้นว่าเต็มไปด้วยความตั้งใจและความสงบเสงี่ยม สิ่งสำคัญที่สุดคือทุกคนที่เข้าร่วมพิธีมาด้วยความเต็มใจ ภาพนิสิตและนักเรียนสาธิตจุฬาฯ ถวายบังคมนั้นมีความพิเศษและเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศ โดยมีการซักซ้อมการถวายบังคมเพื่อให้เกิดความพร้อมเพรียงที่สุด ทุกคนประทับใจที่ได้เห็นขบวนเสด็จอย่างชัดเจน ความรู้สึกร่วมของทุกคนเหมือนเวลาเดินช้าลงและหยุดลงในระหว่างที่ขบวนเสด็จผ่าน ทำให้ทุกคนสามารถเก็บภาพและความรู้สึกทั้งหมดไว้ในใจตราบนานเท่านาน แม้ช่วงเวลาที่ขบวนเสด็จผ่านจะเกิดขึ้นในเวลาสั้น ๆ เพียง 2 นาที แต่สิ่งนี้จะอยู่ในใจของทุกคนไปตลอดชีวิต การเข้าร่วมพิธีนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ และการประสานงานอย่างดียิ่งจากตำรวจนครบาล“พิธีการนี้สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แสดงให้เห็นว่ากตัญญุตาและความเคารพจากรุ่นสู่รุ่นยังคงอยู่ การรวมตัวกันด้วยหัวใจในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ากาลเทศะ บริบท และมารยาทเป็นกระบวนการที่สำคัญของการสื่อสารที่เชื่อมโยงคนในสังคมเข้าด้วยกัน นิสิตและชาวจุฬาฯ ที่มาทำหน้าที่นี้ถือว่าได้รับเกียรติสูงสุดและเป็นความประทับใจ เพราะทุกคนคือตัวแทนของคนหลายสิบล้านคนที่มิได้มาในพื้นที่นี้” รศ.ดร.สุกัญญากล่าวทิ้งท้าย
รศ.ดร.ปกรณ์ วรานุศุภากุล ผู้ช่วยอธิการบดีด้านการพัฒนานิสิต จุฬาฯ เปิดเผยถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมในพิธีส่งเสด็จในการเชิญพระบรมศพว่า “พูดออกมาเป็นคำพูดได้ยาก” การที่ขบวนพระบรมศพเคลื่อนผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถือเป็นโอกาสที่เราจะได้มีส่วนร่วมในหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงประกอบพระราชกรณียกิจต่าง ๆ เพื่อปวงชนชาวไทย รู้สึกภูมิใจที่ได้มีโอกาสมาน้อมส่งเสด็จพระบรมศพ พร้อมกับแสดงความอาลัยในการส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยในครั้งนี้
รศ.ดร.ปกรณ์กล่าวต่อไปว่า การเตรียมการเพื่อเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยผู้บริหารจุฬาฯ ได้เชิญชวนนิสิตเข้าร่วมพิธีผ่านรองอธิการบดีด้านกิจการนิสิตของแต่ละคณะด้วยการส่ง Google Form ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากทั้งนิสิตและนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ต้องมีการวางแผนการจัดการอย่างละเอียด
ในส่วนของการถวายบังคมของนิสิตและนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ในขณะที่ขบวนพระบรมศพเคลื่อนผ่าน ได้ประสานงานกับคณะครุศาสตร์ในการเตรียมการฝึกซ้อมให้การถวายบังคมมีความสวยงาม จังหวะการถวายบังคม ได้มีการตกลงกันว่าจะเริ่มพร้อมกันทั้งแถว ตั้งแต่ขบวนเริ่มเข้าถนนพญาไทเพื่อความพร้อมเพรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งได้รับเสียงตอบรับว่าสวยงามมาก แสดงถึงความจงรักภักดีและความอาลัยที่ชาวจุฬาฯ มีต่อพระองค์ท่าน
รศ.ดร.ปกรณ์กล่าวว่า “รู้สึกประทับใจอย่างยิ่งในบรรยากาศวันนั้น โดยเฉพาะการได้เห็นน้อง ๆ เยาวชนที่เป็นรุ่นลูกรุ่นหลานเข้าร่วมพิธีด้วยความเต็มใจโดยไม่ได้ถูกบังคับใด ๆ รวมถึงประชาชนที่มาร่วมน้อมส่งเสด็จ เกิดเป็นภาพที่เห็นการเอื้อกันระหว่างนิสิตจุฬาฯ กับประชาชน โดยให้น้อง ๆ ซึ่งเป็นเยาวชนรุ่นใหม่อยู่แถวหน้า ประชาชนอยู่ด้านหลัง และร่วมถวายบังคมเช่นเดียวกับนิสิต ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก” นอกจากนี้อีกหนึ่งความประทับใจยังได้เห็นผู้บริหารและคณาจารย์อาวุโสลงมาจัดโต๊ะหมู่เองและนั่งอยู่ท่ามกลางประชาชนโดยไม่ถือตัว นอกจากความร่วมมือภายในจุฬาฯ แล้ว ยังเห็นรถกระบะจากอุเทนถวายมาแจกน้ำให้แก่ผู้ที่มาร่วมพิธีด้วย แสดงให้เห็นถึงน้ำใจและความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน
ผศ.ดร.ระวี จูฑศฤงค์ ผู้ช่วยอธิการบดี ด้านบริหาร จุฬาฯ เปิดเผยว่า มีความรู้สึกเช่นเดียวกับพี่น้องชาวไทยทั้งชาติคือรู้สึกเศร้าและอาลัยที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเสด็จสวรรคต เนื่องจากตั้งแต่เกิดมาก็เห็นพระองค์ท่านเสด็จอยู่เป็นมิ่งขวัญของประเทศมาช้านาน เมื่อพระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัยย่อมรู้สึกใจหายเป็นธรรมดาเมื่อทราบข่าวว่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเสด็จสวรรคตและขบวนอัญเชิญพระบรมศพไปยังพระบรมมหาราชวังจะผ่านเส้นทางถนนพญาไทหน้าจุฬาฯ มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการประสานงานกับ สน.ปทุมวัน เพื่อร่วมกันจัดพื้นที่เส้นทางหน้ามหาวิทยาลัยให้ประชาคมจุฬาฯ รวมถึงประชาชนทั่วไปได้เฝ้าส่งเสด็จแสดงความอาลัย โดยให้ดำเนินการอย่างรวดเร็วพร้อมรับทุกสถานการณ์ ซึ่งคาดว่าจะมีชาวจุฬาฯ มาร่วมส่งเสด็จอย่างเนืองแน่น และยังมีพี่น้องประชาชนทั่วไปมาร่วมส่งเสด็จในพื้นที่ด้วย จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการพื้นที่ให้เรียบร้อยและมีความปลอดภัย เพื่อถวายพระเกียรติในระดับสูงสุด
ทางด้านกายภาพ มหาวิทยาลัยได้มีการประดับผ้าระบายไว้ทุกข์ เชิญชวนประชาคมจุฬาฯ ร่วมตั้งโต๊ะหมู่บูชาตลอดระยะทางที่ขบวนจะเคลื่อนผ่านตามธรรมเนียมไทย เชิญชวนผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นิสิต นิสิตเก่า และนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ร่วมเฝ้าฯ ส่งเสด็จ โดยอธิการบดีและคณะผู้บริหารส่วนหนึ่งได้ไปเฝ้าฯ ส่งเสด็จที่อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อีกส่วนหนึ่งได้มาเฝ้าฯ ส่งเสด็จร่วมกับประชาคมจุฬาฯ โดยรายแถวตลอดเส้นทางถนนพญาไท ตั้งแต่บริเวณคณะนิติศาสตร์ยาวไปตลอดจนถึงสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ซึ่งมีผู้มาร่วมส่งเสด็จอย่างเนืองแน่นตลอดระยะทาง
ในวันนั้นมหาวิทยาลัยมีความจำเป็นต้องใช้เสื่อจำนวนมากเพื่อปูให้ประชาคมจุฬาฯ และผู้ที่มาเฝ้าฯ ส่งเสด็จได้นั่งบนบาทวิถีระยะทางประมาณหนึ่งกิโลเมตรซ้อนกันสามแถว จึงได้ระดมเสื่อจากในจุฬาฯ ไปใช้แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับพื้นที่ที่ยาวมาก มหาวิทยาลัยได้รับเมตตาจากพระเดชพระคุณ พระธรรมวัชรญาณวิศิษฏ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ได้กรุณาให้นำเสื่อจากศาลาพระราชศรัทธามาปูให้ประชาคมได้นั่งจำนวนหลายร้อยผืน ศูนย์บริหารกลาง จุฬาฯ ได้จัดน้ำดื่ม ยาดม ฯลฯ เพื่ออำนวยความสะดวกและรับรองผู้ที่มาร่วมส่งเสด็จ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกในบริเวณที่ขบวนจะเคลื่อนผ่าน สำนักบริหารกิจการนิสิตได้บริหารจัดการนำนิสิตจำนวนมากมาเฝ้าถวายบังคมตามรายทาง เป็นภาพที่ติดตาตรึงใจของผู้ได้พบเห็น เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยและจัดการจราจร จุฬาฯ ได้ผสานกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจิตอาสา 904 ช่วยกันดูแลความเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ได้เชิญชวนพี่เก่ามาเฝ้าฯ ส่งเสด็จหน้าสมาคมนิสิตเก่าฯ หลายร้อยท่าน รวมถึงศูนย์บริการสุขภาพจุฬาฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่พยาบาลและรถพยาบาลคอยอำนวยความสะดวกกรณีเจ็บป่วยกะทันหันผศ.ดร.ระวีกล่าวเพิ่มเติมว่า “การร้อยรวมดวงใจของทุกคนในการประสานงานกันในพิธีการวันนั้นโดยไม่ต้องร้องขอ สะท้อนออกมาเป็นภาพแห่งความจงรักภักดีในฐานะที่เป็นชาวจุฬาฯ ที่พร้อมใจกันมาถวายบังคมพระบรมศพสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงผู้เปี่ยมด้วยพระมหากรุณาธิคุณให้สมกับคุณงามความดีที่พระองค์ท่านทรงปฏิบัติเพื่อบ้านเมืองมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และเป็นโอกาสพิเศษที่ขบวนอัญเชิญพระบรมศพผ่านหน้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความหมายอย่างยิ่ง ภาพรวมของพิธีในวันนั้นจึงงดงาม พิเศษ และอยู่ในความทรงจำของทุกคนที่ได้เข้าร่วม”
“บรรยากาศบริเวณหน้าจุฬาฯ ในพิธีส่งเสด็จในการอัญเชิญพระบรมศพพระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีลมพัดมาเอื่อย ๆ ท้องฟ้ามืดครึ้ม มีนกบินว่อน แม้จะมีประชาชนนับพันคน แต่ในวินาทีที่ขบวนส่งเสด็จเคลื่อนผ่านก็ยังเงียบสงบ”นอกจากนี้มหาวิทยาลัยได้เชิญชวนตั้งโต๊ะบูชาถวายสักการะพระบรมศพ และชาวจุฬาฯ ก็พร้อมใจกันตั้งโต๊ะถวายสักการะตลอดระยะทางที่ขบวนอัญเชิญพระบรมศพเคลื่อนผ่านหน้ามหาวิทยาลัย จำนวน 9 โต๊ะโต๊ะที่ 1 คณะนิติศาสตร์ จัดถวายโต๊ะที่ 2 คณะนิเทศศาสตร์ จัดถวายโต๊ะที่ 3 คณะครุศาสตร์ จัดถวายโต๊ะที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์ จัดถวายโต๊ะที่ 5 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดถวายโต๊ะที่ 6 ศาลเจ้าพ่อเสือ สามย่าน จัดถวายโต๊ะที่ 7 สมาคมครุศาสตร์สัมพันธ์ จัดถวายโต๊ะที่ 8 คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา คณะพยาบาลศาสตร์ คณะจิตวิทยา และคณะสหเวชศาสตร์ จัดถวายโต๊ะที่ 9 สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ จัดถวาย
เมื่อใกล้ถึงเวลาขบวนเชิญพระบรมศพเคลื่อนผ่าน อธิการบดีจุฬาฯ เป็นประธานจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะ จุดที่ตั้งโต๊ะบูชาอื่น ๆ ก็พร้อมกันจุดธูปเทียนถวายสักการะเช่นกัน ซึ่งธรรมเนียมการตั้งโต๊ะบูชาถวายสักการะรายทางเช่นนี้มีมาช้านานเมื่อมีพระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จผ่าน เพื่อถวายสักการะแด่พระองค์ท่าน เมื่อผนวกกับภาพที่นิสิตจุฬาฯ พร้อมใจกันถวายบังคมอย่างเนืองแน่นตลอดเส้นทางจึงเป็นภาพที่งดงามจับใจยิ่ง สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างหนึ่งคือ จุฬาฯ ดูแลผู้มาร่วมรับเสด็จอย่างดียิ่ง พร้อมด้วยน้ำใจจากพี่น้องชาวจุฬาฯ มีบริการทั้งน้ำดื่ม ยาดม ลูกอม ผ้าเย็น การบริหารจัดการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะทุกคนมาด้วยสำนึกเดียวกันคือความจงรักภักดีและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้
ผศ.ดร.ชนัญชิดา ทุมมานนท์ รองคณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กำกับดูแลกลุ่มภารกิจกิจการนิสิต เปิดเผยว่า รู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีของคนไทยและชาวจุฬาฯ ที่ทำเพื่อพระองค์ท่านผู้ทรงเป็นแม่แห่งชาติ เมื่อฝ่ายกิจการนิสิต คณะครุศาสตร์ได้รับการติดต่อจาก รศ.ดร.สุกัญญา สมไพบูลย์ รองอธิการบดีด้านกิจการนิสิต ซึ่งเวลานั้นอยู่ในระหว่างการสัมมนาที่ต่างจังหวัดโดยแจ้งว่าขอใช้พื้นที่คณะครุศาสตร์ในการเป็นจุดพักคอย ทางผู้บริหารคณะครุศาสตร์โดยคณบดีพร้อมสนับสนุนในการดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยความเต็มใจอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่กระชั้นชิด โดยได้เตรียมการด้านสถานที่ด้านสถานที่รองรับบุคลากรจุฬาฯ นิสิตและประชาชนที่มาร่วมส่งเสด็จด้วยใจ เพื่อให้การดูแลอย่างดีที่สุดจากจุฬาฯ
แม้จะเป็นวันเสาร์ซึ่งเป็นหยุดราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการนิสิต คณะครุศาสตร์มาปฏิบัติงานด้วยความเต็มใจ ทั้งการเตรียมน้ำดื่ม 500 ขวด อาหารว่าง น้ำหวาน กล้วย ในด้านสถานที่มีห้องอำไพ สุจริตกุล คณะครุศาสตร์ เป็นจุดบัญชาการประชุมวางแผนเตรียมการในด้านต่าง ๆ ใช้ห้องสุมน อมรวิวัฒน์ เป็นที่รวมตัวกันของนิสิตคณะครุศาสตร์และนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ นอกจากนี้ยังเตรียมจุดปฐมพยาบาล ห้องน้ำ รวมถึงโทรโข่งสำหรับนิสิตและเจ้าหน้าที่ตามจุดต่าง ๆผศ.ดร.ชนัญชิดาเผยถึงการเชิญชวนนิสิตเข้าร่วมในพิธีส่งเสด็จว่า “เมื่อคณะประชาสัมพันธ์ออกไปปรากฎว่ามีนิสิตตอบรับเข้าร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสิตทุนคณะครุศาสตร์ที่ลงชื่อเข้าร่วมพิธีอย่างรวดเร็ว นิสิตที่มาร่วมงานมีตั้งแต่ปี 1 – 4 โดยเดินทางมาถึงคณะตั้งแต่ 7 โมงเช้า โดยทำหน้าที่ตามจุดต่าง ๆ เปรียบเป็นมดงานที่มีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบและจิตอาสา นอกจากนี้นิสิตยังทำหน้าที่ในการสอนการถวายบังคมอย่างถูกต้องและงดงามอีกด้วย”
ผศ.ดร.ชนัญชิดารู้สึกตื้นตันและภูมิใจที่ได้เห็นภาพความประทับใจของนิสิตและชาวจุฬาฯ ที่ร่วมพิธีส่งเสด็จในการอัญเชิญพระบรมศพเผยแพร่ออกไปตามสื่อต่าง ๆ คำพูดหนึ่งที่ได้พูดกับนิสิตในวันนั้นและยังจำได้ดีคือคำพูดที่ว่า “เราเป็นคนไทย และเป็นนิสิตจุฬาฯ ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นอย่าลืมที่มา อย่าลืมรากที่หยั่งลึกลงไป อย่าลืมขนบประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม” นิสิตถูกสร้างและหล่อหลอมให้เป็นนิสิตในวันนี้ ดังนั้นอย่าลืมการทดแทน สยามไม่ใช่ผืนแผ่นดิน สยามอยู่ได้เพราะคนไทย เช่นเดียวกับจุฬาฯ เป็นสถาบันการศึกษาที่สร้างคนซึ่งจะสืบทอดต่อไป ตนเชื่อมั่นในศักยภาพของนิสิตจุฬาฯ ที่มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถตอบแทนคุณแผ่นดินได้ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม
ผศ.สุพัตรา อุตมัง ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตจุฬาฯฝ่ายมัธยม และรองคณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยว่ารู้สึกดีใจและภูมิใจที่นักเรียน คณาจารย์ บุคลากร ศิษย์เก่า ผู้ปกครอง โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายมัธยม ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสเสด็จฯ ไปในการเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยได้รับมอบหมายจาก รศ.ดร.ยศวีร์ สายฟ้า คณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ“เมื่อโรงเรียนประกาศข่าวแจ้งไป ทุกคนมาพร้อมกันด้วยหัวใจเดียวกัน คือสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระองค์ท่าน และอยากเป็นส่วนเล็ก ๆ ในการทำความดีเพื่อถวายพระองค์ท่าน ขณะเดียวกันก็รู้สึกภูมิใจในนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ทุกคนที่มาด้วยใจและตั้งใจมาจากบ้านจริง ๆ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ภาพทุกภาพที่เห็นเป็นความประทับใจอย่างที่สุด” ผศ.สุพัตรากล่าว
วันที่ทราบข่าวการเสด็จสู่สวรรคาลัย ในเวลานั้นโรงเรียนจัดกิจกรรมสภาปันน้ำใจช่วยเหลือชุมชน โดยการทำความดีถวายพระองค์ท่านที่จังหวัดสระบุรี จึงได้ประสานงานกับทุกฝ่ายในโรงเรียนในการจัดเตรียมสถานที่พักคอย อาหารว่าง น้ำเปล่าและเตรียมน้ำแดงไว้ให้ผู้มาร่วมงานมีความสะดวกสบายมากที่สุด การประสานงานทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่นด้วยดี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทุกคนทำงานด้วยความเต็มใจเพื่อถวายแด่พระองค์ท่านผศ.สุพัตราเผยว่าในวันส่งเสด็จในการเชิญพระบรมศพ นักเรียนทุกคนได้รับการฝึกซ้อมการถวายบังคมจาก ผศ.ดร.ชนัญชิดา ทุมมานนท์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิต คณะครุศาสตร์ และอาจารย์ของโรงเรียนช่วยกันดูแลนักเรียน ทุกคนตั้งใจถวายบังคมโดยฝึกซ้อมเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถถวายบังคมได้อย่างงดงาม เมื่อถึงเวลาที่ขบวนพระบรมศพผ่านหน้าจุฬาฯ ทุกคนเงียบด้วยความตั้งใจเพื่อถวายบังคมให้งดงามที่สุด ภาพการถวายบังคมจึงออกมางดงามด้วยความจงรักภักดีจากหัวใจของทุกคน
ดร.จุลพงษ์ ทวีศรี เลขาธิการสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ (สนจ.) เผยว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้นำพี่น้องนิสิตเก่าจุฬาฯ ร่วมแสดงความจงรักภักดีในห้วงเวลานั้น พระองค์ทรงเป็นที่รักและเคารพ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างหาที่สุดมิได้ การได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสด็จครั้งนี้จึงเป็นการแสดงออกถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและความผูกพันอันแน่นแฟ้นระหว่างชาวจุฬาฯ กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ภูมิใจที่นิสิตเก่าจุฬาฯ ได้แสดงพลังแห่งความสามัคคีและความจงรักภักดีต่อสถาบันในโอกาสสำคัญนี้
การเข้าร่วมพิธีส่งเสด็จในวันนั้น สนจ.ได้เตรียมการอย่างพิถีพิถัน โดยได้จัดโต๊ะหมู่บูชาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ จัดทำป้ายแสดงความอาลัยขนาด 6×3 เมตรที่ถนนพญาไท และประดับผ้าระย้าไว้ทุกข์ตลอดแนวรั้วยาว 110 เมตร เพื่อแสดงความอาลัยอย่างที่สุด นอกจากนี้ยังติดตั้งจอ LED เพื่อฉายภาพยนตร์ขาวดำพระราชกรณียกิจที่หาชมยาก Music Video “พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย…ขวัญใจจุฬาฯ” และถ่ายทอดสดขบวนอัญเชิญพระบรมศพด้วย นอกจากนี้ยังเตรียมการให้นิสิตเก่ากว่า 400 คนได้ร่วมพิธีอย่างสะดวกสบาย มีพื้นที่พักคอยในโถงปรับอากาศพร้อมบริการน้ำดื่มและอาหารว่าง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ“บรรยากาศความประทับใจในวันนั้นสะท้อนให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของความสามัคคีและความจงรักภักดีของประชาคมจุฬาฯ ในส่วนของ สนจ. มีนิสิตเก่าและผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมพิธีกว่า 400 คน ซึ่งมาจากทุกคณะและทุกกลุ่มกิจกรรม ท่ามกลางความเศร้าโศกแต่ก็ภาคภูมิใจที่ได้เห็นถึงนิสิตเก่ามาร่วมพิธีที่บาทวิถีหน้าสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ตลอดแนว 100 กว่าเมตร บรรยากาศเงียบสงบแต่เปี่ยมไปด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เมื่อขบวนเสด็จพระราชดำเนินเคลื่อนผ่าน ทุกคนพร้อมใจกันประนมมือขึ้นถวายบังคมด้วยความเศร้าโศกและความเคารพอย่างสุดซึ้ง เป็นภาพที่สะท้อนถึงความรักและความผูกพันต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าจิตวิญญาณของจุฬาฯ ยังคงแข็งแกร่งและเป็นหนึ่งเดียวในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเวลาแห่งความสุขหรือความโศกเศร้า” ดร.จุลพงษ์กล่าว
นางบังอร เรืองธรรมโชติ ผู้อำนวยการสำนักบริหารระบบกายภาพ จุฬาฯ เผยความรู้สึกที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพิธีส่งเสด็จในพิธีเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ผ่านถนนพญาไทไปยังพระบรมมหาราชวังว่า ความรู้สึกแรกที่รับทราบข่าว การเสด็จสู่สวรรคาลัยรู้สึกเสียใจและใจหาย แต่พอตั้งสติได้ก็มีความคิดว่าอย่างน้อยก็ทำหน้าที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการถวายงานเพื่อส่งเสด็จพระองค์ท่านเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 ยิ่งเห็นความร่วมแรงร่วมใจจากชาวจุฬาฯ หลายส่วนทั้งที่อยู่ที่บ้านหรือที่มาปฏิบัติงานที่จุฬาฯ ซึ่งเป็นความพร้อมเพรียงของทุกคนที่ตั้งใจทำถวายให้พระองค์ท่านนางบังอรเล่าถึงการดำเนินงานในส่วนของสำนักบริหารระบบกายภาพว่า ได้เริ่มเตรียมการตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม โดยประสานงานกับผู้อำนวยการแต่ละฝ่ายของสำนัก จากนั้นในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคมจึงได้ประสานงานกับร้านผ้าระบายและร้านรูป ทุกคนยินดีปฏิบัติงานแม้ว่าจะเป็นวันหยุดและงานที่เร่งด่วน โดยมีการประสานงานกับฝ่ายพิธีการของศูนย์บริหารกลางและสำนักบริหารกิจการนิสิต ได้ดำเนินการติดผ้าระบายสีขาว-ดำตลอดแนวถนนพญาไทตั้งแต่คณะนิติศาสตร์ บริเวณจุฬาฯ ซอย 12 ติดตั้งซุ้มและพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ด้านหน้าอาคารจามจุรี 1-2 ในช่วงบ่ายวันเสาร์ นอกจากนั้นยังประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทหารและศูนย์สื่อสารองค์กรในการใช้พื้นที่ของศูนย์สื่อสารองค์กรที่อาคารจามจุรี 1 เป็นจุดบัญชาการทางวิทยุ และยังจัดเตรียมสถานที่ประทับรับรองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรณีฉุกเฉินที่หอประชุมจุฬาฯ รวมทั้งเตรียมการด้านสถานที่เพื่อรองรับประชาคมจุฬาฯ ที่จะมาร่วมส่งเสด็จบริเวณโถงอาคารจามจุรี 5 ดำเนินการร่วมกับหน่วยจิตอาสา 904 ในการประสานขอยืมเสื่อเพื่อมาปูตลอดแนวฟุตบาท โดยได้รับความอนุเคราะห์เสื่อจากธรรมสถานจุฬาฯ และวัดปทุมวนารามจำนวน 230 ผืนสำหรับให้ประชาคมจุฬาฯ และประชาชนทั่วไปได้นั่งรอรับเสด็จ ตั้งแต่บริเวณสามย่านมิตรทาวน์ถึงสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ เมื่อขบวนพระบรมศพผ่านไป ก็ได้ดำเนินการนำโต๊ะหมู่และพระบรมฉายาลักษณ์มาตั้งไว้ยังโถงอาคารจามจุรี 4 เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มาลงนามถวายพระพรจนถึงปัจจุบัน“บรรยากาศในวันนั้นทุกคนมาพร้อมกันโดยไม่มีการร้องขอ ทั้งคณาจารย์ นิสิตปัจจุบัน นิสิตเก่า ครูและนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ รวมถึงบุคลากรจุฬาฯ โดยเฉพาะผู้บริหารจุฬาฯ ที่สวมชุดปกติขาวไว้ทุกข์มากันอย่างพร้อมเพรียง นักเรียนและนิสิตมีการเตรียมการถวายบังคมขณะที่ขบวนเสด็จผ่าน ทำให้บรรยากาศวันนั้นเต็มไปด้วยความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันของชาวจุฬาฯ ที่ต้องการถวายความจงรักภักดีและความอาลัยต่อพระองค์ท่าน ยิ่งเมื่อขบวนเสด็จผ่านอย่างช้า ๆ พวกเราต่างก็มองขบวนด้วยความสงบนิ่ง นักเรียนและนิสิตได้ถวายบังคม ภาพที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งคือสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีได้หันพระพักตร์มามองพวกเราชาวจุฬาฯ ที่ตั้งขบวนรอรับที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ยิ่งทำให้รู้สึกตื้นตันใจมากยิ่งขึ้น” นางบังอรเล่าถึงความรู้สึกประทับใจในพิธีการวันนั้น
นายบัญชา ชูทรงเดช ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความปลอดภัยและจัดการจราจรแห่งจุฬาฯ เผยถึงความรู้สึกภาคภูมิใจของชาวศูนย์ รปภ.จุฬาฯ ที่ได้มีส่วนร่วมในพิธีเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยขบวนเสด็จฯ ผ่านหน้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอาลัยอย่างสุดหัวใจแม้จะเป็นภารกิจที่ได้รับแจ้งกระทันหัน แต่ศูนย์รักษาความปลอดภัยและจัดการจราจร จุฬาฯ ภายใต้การกำกับของ รศ.ดร.มาโนช โลหเตปานนท์ รองอธิการบดี ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มกำลัง ทั้งการวางแผนจราจร เปิดเส้นทางพิเศษ อำนวยความสะดวกให้ประชาชนและนิสิต รวมถึงการจัดเจ้าหน้าที่เข้าประจำจุดด้วยความสมัครใจโดยไม่ขอรับค่าตอบแทนนายบัญชาเล่าด้วยความซาบซึ้งว่า “ในช่วงที่ขบวนเสด็จฯ เคลื่อนผ่านหน้าจุฬาฯ ตลอดระยะทางเกือบหนึ่งกิโลเมตร เต็มไปด้วยนิสิต บุคลากร และประชาชนที่พร้อมใจเฝ้ารับเสด็จฯ ด้วยความสงบและสำรวม บรรยากาศงดงามและเปี่ยมด้วยความจงรักภักดี”แม้ท้องฟ้าในวันนั้นจะมีเมฆหม่นบดบังแสงอาทิตย์ แต่กลับเป็นภาพแห่งความสงบงาม ราวกับธรรมชาติร่วมถวายความอาลัย พร้อมกับหัวใจของชาวจุฬาฯ ที่เปี่ยมไปด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
นางสาวพันธ์หทัย ชูงาน นิสิตชั้นปีที่ 4 และนายธนพล เหรียญสมบูรณ์ นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ตัวแทนนิสิตจุฬาฯ ที่ได้มีโอกาสเฝ้าฯ ส่งเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทั้งสองทราบข่าวเชิญชวนนิสิตจุฬาฯ ร่วมพิธีส่งเสด็จทาง Line Official ของฝ่ายกิจการนิสิตของคณะ
พันธ์หทัยเล่าว่า มาถึงคณะครุศาสตร์ตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพื่อทำหน้าที่เตรียมการต้อนรับดูแลนิสิตและชาวจุฬาฯ รวมถึงประชาชนที่มาร่วมส่งเสด็จในวันนั้นโดยมีการศึกษาข้อมูลและเตรียมตัววางแผนกับอาจารย์ รุ่นพี่ และเพื่อน ๆ ในคณะ หน้าที่ของเธอในวันนั้นนอกจากจะร่วมพิธีส่งเสด็จแล้ว ยังให้คำแนะนำแก่นิสิตและประชาชนในการถวายบังคมอย่างสวยงามและปฏิบัติตนให้ถูกต้องขณะที่ขบวนอัญเชิญพระบรมศพเคลื่อนผ่านถนนพญาไท ซึ่งเธอทำหน้าที่ดังกล่าวในพื้นที่ริมถนนพญาไทตั้งแต่บริเวณประตูจุฬาฯ หน้าอาคารจามจุรี 1 และ 2 ไปจนถึงคณะนิติศาสตร์“ความรู้สึกในเวลานั้น รู้สึกประทับใจและนับถือหัวใจของชาวจุฬาฯ ทุก ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่และนิสิตจุฬาฯ ที่มาร่วมส่งเสด็จพระบรมศพของพระองค์ท่าน มีนิสิต รวมถึงนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ มาร่วมพิธีอย่างเนืองแน่นตั้งแต่หน้าคณะนิติศาสตร์ไปจนถึงสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ นอกจากนี้น้อง ๆ นิสิต ยังช่วยแจกอาหารและน้ำดื่มด้วย เป็นภาพที่ประทับใจทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย” พันธ์หทัยกล่าว
ธนพลเผยว่าการร่วมส่งขบวนเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญครั้งนี้ เป็นประสบการณ์ ครั้งหนึ่งในฐานะนิสิตจุฬาฯ และคนไทยในการร่วมส่งพระบรมศพของพระองค์ท่าน ในวันดังกล่าวตนสวมเครื่องแบบนิสิตถูกระเบียบมาร่วมพิธี โดยในช่วงเช้าได้มาช่วยงานในฝ่ายอำนวยการของคณะ ทำหน้าที่แจกอาหารและน้ำ ประชาสัมพันธ์ให้นิสิตมารวมตัวที่โถงอาคารพระมิ่งขวัญการศึกษา รวมทั้งได้ทำหน้าที่เฝ้ารับเสด็จและส่งขบวนพระบรมศพ“นาทีที่ขบวนเชิญพระบรมศพเคลื่อนผ่านหน้าจุฬาฯ บริเวณถนนพญาไท มีความรู้สึกราวกับว่าโลกหยุดนิ่ง ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ รู้สึกตื้นตันใจจนพูดไม่ออก ในฐานะนิสิตจุฬาฯ คนหนึ่ง มีความรู้สึกภูมิใจที่ได้มีโอกาสร่วมส่งเสด็จในพิธีเชิญพระบรมศพในครั้งนี้” ธนพลกล่าว
พิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเนื่องในโอกาส 100 ปี วันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการฟินแลนด์บรรยายพิเศษที่คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ “โรงเรียนแห่งอนาคตและปัจจัยสู่ความสำเร็จ”
เครือข่ายจุฬาฯ ฝ่าพิบัติ ช่วยเหลือชาวใต้ที่ประสบอุทกภัยผ่าน “Chula Digital War Room” สื่อสารรายงานสถานการณ์จริงจากพื้นที่
พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะและพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
“Let’s Play Festival ปีที่ 3” เปลี่ยนอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ เป็นลานเล่นอิสระใจกลางเมือง
จุฬาฯ – มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก และช่อง 7HD เชิญร่วมบริจาคช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ “รวมใจ ฝ่าภัยน้ำท่วมใต้”
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้ ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้
ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้