คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ มอบหนังสือชุด “จารึกรัก จำหลักลาย” แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนและโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร

8 ธันวาคม 2568

คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดพิธีส่งมอบหนังสือ “จารึกรัก จำหลักลาย” แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนและโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 ณ ห้องอำไพ สุจริตกุล คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ โดยมี รศ.ดร.ยศวีร์ สายฟ้า คณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ผู้แทนอธิการบดีเป็นประธานในพิธี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แก่นักเรียนในการเรียนรู้เรื่องพระราชพิธีพระบรมศพ และพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรที่มีต่อปวงชนชาวไทย

พิธีส่งมอบหนังสือเริ่มจาก ผศ.ดร.สุรภี รุโจปการ ผู้แทนมูลนิธิ ศ.ม.ล.จิรายุ – ศ.ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ กล่าวรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ผศ.ดร.อุบลวรรณ หงษ์วิทยากร อาจารย์ประจำสาขาวิชาพัฒนศึกษา ภาคนโยบาย การจัดการและความเป็นผู้นำทางการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวรายงานความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการจัดทำหนังสือ “จารึกรัก จำหลักลาย” จากนั้น รศ.ดร.ยศวีร์ สายฟ้า คณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวขอบคุณและมอบโล่แสดงความขอบคุณแด่ ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ และคุณหญิงโรส บริบาลบุรีภัณฑ์ ผู้สนับสนุนการจัดทำหนังสือ พร้อมทั้งมอบหนังสือ “จารึกรัก จำหลักลาย” แด่คุณสมฤดี ลันสุชีพ รองผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร และ พล.ต.ต.กัญชล อินทราราม รองผู้บัญชาการตำรวจตรวจตระเวนชายแดน รวมเป็นจำนวน 1,500 ชุด

หนังสือ “จารึกรัก จำหลักลาย” จัดทำขึ้นในปี 2559 – 2560 เพื่อถวายความอาลัยเนื่องในงานพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยความร่วมมือร่วมใจของคณาจารย์และนิสิตคณะครุศาสตร์ คณาจารย์โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม และโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม ในการศึกษาข้อมูลและจัดทำเป็นรูปเล่ม โดยมีเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับเด็กและเยาวชน

หนังสือชุดนี้ ประกอบด้วยหนังสือ 10 เล่มที่มีสาระความรู้ ดังนี้

1.เรียงร้อยถ้อยภาษา : ภาษาไทยที่เกี่ยวข้องกับงานพระบรมศพ

2.เสียงร่ำหาจากหัวใจ : วงดนตรีสำหรับการประโคมในงานพระบรมศพ

3.ท่องแดนไกลป่าหิมพานต์ : ที่มาของการสร้างพระเมรุมาศจากคติความเชื่อเรื่องเขาพระสุเมรุ

4.งามตระการฉากบังเพลิง : ภาพพระนารายณ์บนฉากบังเพลิงทั้ง 4 ทิศ

5.เริงเวหากับพญาครุฑ : ความเชื่อเรื่อง “ครุฑ” สัตว์พาหนะของพระนารายณ์

6.วิเศษสุดเครื่องกระดาษ : รูปแบบเครื่องกระดาษที่ใช้ในพิธีกงเต๊ก

7.พฤกษาชาติไม้ประดับ : พันธุ์ไม้ที่ใช้ในการออกแบบงานภูมิสถาปัตยกรรมรอบพระเมรุมาศ

8.งามระยับทิพยพิมาน : งานดอกไม้สดและงานแทงหยวกที่ใช้ประกอบพระเมรุมาศ

9.น้อมสักการด้วยดอกไม้ : งานดอกไม้จันทน์ 7 แบบ ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ

10.แรงดลใจลายพระเมรุ : กิจกรรมสำหรับเด็กและเยาวชนในการเรียนรู้ลายไทย

หนังสือชุดนี้ได้รับการสนับสนุนการจัดพิมพ์จากสำนักพิมพ์พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พ.ว.) ของ ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้านบาท และได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการทำต้นฉบับจากมูลนิธิ ศ.ม.ล.จิรายุ – ศ.ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์

รศ.ดร.กรรณิการ์ สัจกุล ในฐานะผู้ดำเนินการจัดทำหนังสือ“จารึกรัก จำหลักลาย” เปิดเผยว่า หนังสือชุดนี้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวพระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ประกอบด้วยงานศิลปะที่เป็นวิถีศิลปะของไทยอย่างครบถ้วน ผนวกกับความรักความศรัทธา ความจงรักภักดี ความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรที่ไม่สามารถเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้เพียงพอ นำเสนอผ่านงานศิลปะ แสดงถึงความงดงามในวิถีชีวิตไทย เป็นการถ่ายทอดความประทับใจในพระเมรุมาศจากการเห็นได้ด้วยตาออกมาเป็นงานศิลปะ ถ่ายทอดความรู้สู่เด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นความรู้ที่สามารถให้คำอธิบายแก่เด็กและเยาวชนรุ่นหลังได้ โดยมี ผศ.ทินกร บัวพูล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถม เป็นผู้เขียนและวาดภาพในหนังสือ

“หนังสือ“จารึกรัก จำหลักลาย” ที่ได้ส่งมอบให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนและโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่นักเรียนแล้ว ยังอยากให้คุณครูได้อ่านด้วย ซึ่งอาจจะใช้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของนักเรียน หนังสือเล่มบาง ๆ อาจไม่สามารถอธิบายความหมายของสรรพสิ่งทั้งหลายได้ทั้งหมด อยากให้รับรู้ว่าหนังสือชุดนี้ที่อาจารย์คณะครุศาสตร์และโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ จัดทำขึ้นด้วยหัวใจแห่งความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เป็นตัวแทนของประชาชนคนไทยทั้งแผ่นดินในการแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน เป็นที่มาของหนังสือ “จารึกรัก จำหลักลาย” ที่จารึกความรักในหัวใจของผู้ทุ่มเทจัดทำหนังสือชุดนี้ผ่านหนังสือที่เป็นภาพการ์ตูนและงานศิลปะ” รศ.ดร.กรรณิการ์กล่าว

ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดพิมพ์ กล่าวถึงเหตุผลในการสนับสนุนการจัดพิมพ์หนังสือชุดนี้ว่า หนังสือเป็นองค์ความรู้ที่มีคุณค่า ช่วยเปิดมุมมองให้ผู้อ่านได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง ไม่ใช่เพียงการท่องจำเชิงเนื้อหา แต่เป็นการฝึกคิด วิเคราะห์ และนำไปปรับใช้ในชีวิตได้อย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของเยาวชนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ หากผู้อ่านใช้หนังสือเล่มนี้อย่างถูกวิธี ควบคู่ไปกับการคิดวิเคราะห์ จะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาสมอง การเรียนรู้ และการมองเห็นคุณค่าของความรู้ในมิติที่ลึกขึ้น ไม่ใช่เพียงเพื่อจดจำเพื่อสอบ แต่สามารถต่อยอดสู่การใช้จริงในชีวิตประจำวัน ช่วยให้เกิดการเติบโตทั้งต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยความรู้ที่ได้สามารถนำไปประยุกต์ได้อย่างหลากหลายและเกิดความสำเร็จในชีวิตอย่างเป็นรูปธรรม หนังสือเล่มนี้สะท้อนข้อคิดมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน อยากให้ประชาชนและเยาวชนให้ความสำคัญกับการอ่านอย่างจริงจัง และหวังว่าหนังสือชุดนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการเรียนรู้ที่ยั่งยืน

ผศ.ทินกร บัวพูล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถม ในฐานะผู้เขียนและวาดภาพประกอบ เปิดเผยถึงความรู้สึกที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำหนังสือชุดนี้ว่า รู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สร้างผลงานเพื่อรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อาจารย์กล่าวว่าการทำงานด้านภาพประกอบไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากมีพื้นฐานการสอนศิลปะอยู่เดิม จึงนำกิจกรรมการสอนเกี่ยวกับลวดลายไทย โดยเฉพาะลายประดับพระเมรุมาศมาพัฒนาต่อยอดเป็นผลงานในหนังสือได้อย่างเหมาะสมและสวยงาม ส่วนด้านกระบวนการผลิต ความท้าทายหลักคือการจัดการเนื้อหาและจำนวนกิจกรรมให้เหมาะสม พร้อมทั้งประสานงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับผู้เขียนท่านอื่นเพื่อให้หนังสือชุดนี้สมบูรณ์ที่สุด โดยได้รับความร่วมมือจากฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจนงานสำเร็จได้ด้วยดี เมื่อหนังสือนี้ได้ถูกส่งต่อไปยังโรงเรียนต่าง ๆ อาจารย์เชื่อว่าจะเป็นสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณค่า ช่วยให้เด็กและเยาวชนได้เข้าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับรัชกาลที่ 9 ผ่านเนื้อหาที่เหมาะกับวัย สามารถกลับมาศึกษาและค้นคว้าเมื่อมีความสนใจหรือมีบริบทที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะก่อประโยชน์ต่อการเรียนรู้และต่อยอดความเข้าใจทางประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง