รู้จักจุฬาฯ
การบริหาร
อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย
Green University
Sustainability
ติดต่อจุฬาฯ
บริจาคให้จุฬาฯ
หลักสูตร
การสมัครเข้าศึกษา
หน่วยงานการศึกษา
บริการนิสิต
บริการวิชาการ
บริการทางการแพทย์
บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ
สารสนเทศและการสื่อสาร
พื้นที่สร้างสรรค์
ข่าวสารและความเคลื่อนไหว
วารสารจุฬาฯ
สาระความรู้
Highlights
28 สิงหาคม 2568
ผู้เขียน ญาดา หริรักษาพิทักษ์
ทีมนักวิจัยจุฬาฯ พัฒนาทางเลือกใหม่ลดความเสี่ยงต่อมลูกหมากโต ชูสมุนไพรไทย “พืชสกุลพลับพลึง” และ “กระชายดำ” ช่วยยับยั้งกลไกการเกิดโรคได้ตรงจุด ไม่กระทบสมรรถภาพทางเพศ ผลงานเด่นคว้ารางวัลเหรียญทองระดับนานาชาติ พร้อมเปิดโอกาสยกระดับสมุนไพรไทยสู่ตลาดสุขภาพโลก
คุณตื่นมาปัสสาวะกลางดึกบ่อยหรือเปล่า? หรือใช้เวลาปัสสาวะในห้องน้ำมากกว่าปกติหรือไม่ ? หากคำตอบคือ “ใช่” และคุณเป็นผู้ชายวัย 40 ปีขึ้นไป อย่ามองข้ามอาการเหล่านี้ เพราะมันอาจเป็นสัญญาณเตือนของ “โรคต่อมลูกหมากโต”
แม้ในปัจจุบันการรักษาทางการแพทย์จะมีทั้งการใช้ยาและการผ่าตัด แต่ก็มีข้อจำกัดด้านผลข้างเคียงและค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังไม่สามารถหยุดยั้งความเสื่อมของเซลล์ต่อมลูกหมากในระยะยาวได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ทีมนักวิจัยจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงพยายามคิดค้นทางเลือกใหม่ในการรักษา ซึ่งพัฒนามาจากสมุนไพรไทย 2 ชนิดคือ “พืชในสกุลพลับพลึง” และ “กระชายดำ” ที่สามารถยับยั้งกลไกการเกิดโรคโรคต่อมลูกหมากโตได้อย่างตรงจุด ซึ่งงานวิจัยและคิดค้นนวัตกรรมทั้ง 2 ชิ้นดังกล่าวคว้ารางวัลเหรียญทองระดับนานาชาติ สะท้อนถึงศักยภาพของภูมิปัญญาไทยที่ผสานเข้ากับเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ และพร้อมต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเพศชายอย่างยั่งยืน
ต่อมลูกหมาก (Prostate gland) เป็นอวัยวะหนึ่งในระบบสืบพันธุ์เพศชาย มีลักษณะคล้ายลูกเกาลัด หรือผลวอลนัท อยู่บริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะและล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น หน้าที่หลักของต่อมลูกหมากคือการผลิตของเหลวที่เป็นส่วนประกอบของน้ำอสุจิ (semen) ซึ่งมีหน้าที่ในการหล่อเลี้ยงและลำเลียงตัวอสุจิ
ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ร.ต.อ.หญิง ดร.สุชาดา สุขหร่อง ภาควิชาเภสัชเวทและเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า โรคต่อมลูกหมากโต หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า Benign Prostatic Hyperplasia (BPH) เป็นภาวะที่เซลล์เนื้อเยื่อต่อมลูกหมากมีการเจริญเติบโตมากผิดปกติ ทั้งขยายตัวมากขึ้นและเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ โดยในบางรายอาจมีขนาดใหญ่เท่าลูกเทนนิส หรือผลส้ม
ศ.ภญ.ร.ต.อ.หญิง ดร.สุชาดา อธิบายว่าโรคต่อมลูกหมากโตไม่ใช่เนื้อร้ายหรือมะเร็ง แต่ด้วยความที่ขนาดต่อมลูกหมากใหญ่ขึ้น จึงไปกดท่อปัสสาวะจนทำให้เกิดอาการผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะได้ อาการมักเริ่มจากปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน รู้สึกปวดปัสสาวะอย่างเฉียบพลัน กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะลำบากหรือสะดุด ซึ่งอาการเหล่านี้หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ การเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือในบางรายอาจพัฒนาไปสู่ภาวะไตเสื่อมในระยะยาว ซึ่งล้วนส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และการใช้ชีวิตประจำวัน
“โรคต่อมลูกหมากโตเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้ชายวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ความชุกของโรคจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยมากกว่า 80% ของผู้ชายอายุ 80 ปีขึ้นไปจะมีภาวะนี้ นอกจากอายุแล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศชาย การอักเสบเรื้อรัง โรคเบาหวาน และภาวะอ้วน ซึ่งล้วนมีส่วนกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากโตกว่าปกติทั้งสิ้น”
แนวทางการรักษาในปัจจุบันจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 แนวทางหลัก ได้แก่ การรักษาด้วยยา ได้แก่ ยากลุ่ม 5-alpha reductase inhibitors เช่น finasteride ซึ่งจะช่วยลดขนาดของต่อมลูกหมากให้เล็กลง และยากลุ่ม alpha-blockers เช่น tamsulosin ที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะคลายตัว ทำให้ปัสสาวะได้สะดวกมากขึ้น
การรักษาด้วยหัตถการหรือการผ่าตัด มักใช้ในกรณีที่อาการรุนแรงหรือในรายที่ไม่ตอบสนองต่อยา และแม้การรักษาจะสามารถบรรเทาอาการให้ดีขึ้น แต่โรคต่อมลูกหมากโตถือเป็นภาวะเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดแบบถาวรได้ และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีกในระยะยาว
“การใช้ยาในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตอาจมีผลข้างเคียงทำให้หย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ จึงเป็นที่มาของการค้นพบสมุนไพรที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอาการต่อมลูกหมากโตโดยไม่กระทบต่อการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ” ศ.ภญ.ร.ต.อ.หญิง ดร.สุชาดา กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของผลงานการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยสมุนไพร 2 เรื่อง ได้แก่ “สัดส่วนทองคำของสารทรงฤทธิ์จากพืชสกุลพลับพลึง ที่ยับยั้งการอักเสบของโรคต่อมลูกหมากโต” และ “สารสกัดเมทอกซีฟลาโวนเข้มข้นจากกระชายดำที่มีกลไกยับยั้งการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต”
“สัดส่วนทองคำของสารทรงฤทธิ์จากพืชสกุลพลับพลึง ที่ยับยั้งการอักเสบของโรคต่อมลูกหมากโต” เป็นผลงานวิจัยและนวัตกรรมซึ่งเกิดจากการผสานภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยเข้ากับเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ศ.ภญ.ร.ต.อ.หญิง ดร.สุชาดา อธิบายว่า “นวัตกรรมนี้เริ่มต้นจากความพยายามในการค้นหาสารออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต โดยเน้นไปที่กลไกการอักเสบ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเกิดโรค แต่ยังไม่มียารักษาที่ออกฤทธิ์ผ่านกลไกนี้อย่างชัดเจน”
ในที่สุด ทีมวิจัยค้นพบสารออกฤทธิ์ดังกล่าวจากพืชไทย โดยอ้างอิงจากภูมิปัญญาไทยที่กล่าวถึง “ฤทธิ์ของพืชในสกุลพลับพลึง” เช่น Crinum latifoliumที่มีรายงานการใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการทางระบบปัสสาวะในเพศชาย
“จากการศึกษาของทีมวิจัย พบสารสำคัญจากพืชสกุลนี้ ได้แก่ lycorine และ 6α-hydroxybuphanidrine ในอัตราส่วน 1:1 โดยน้ำหนัก จะออกฤทธิ์เสริมกันแบบ multi-targeted mechanism ช่วยยับยั้งกระบวนการอักเสบและยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์ต่อมลูกหมาก จึงมีศักยภาพสูงในการพัฒนาเป็นสารออกฤทธิ์ทางเลือกสำหรับการจัดการกับโรคต่อมลูกหมากโต และมีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดทางยาในอนาคตได้” ศ.ภญ.ร.ต.อ.หญิง ดร.สุชาดา กล่าว
ศ.ภญ.ร.ต.อ.หญิง ดร.สุชาดา อธิบายความหมายของคำว่า “สัดส่วนทองคำ” (Golden Ratio) ว่าหมายถึงอัตราส่วนที่เหมาะสมที่สุดของสารทั้งสองชนิดที่ให้ผลเสริมฤทธิ์สูงสุด โดยผ่านการทดสอบในเซลล์สโตรมาของต่อมลูกหมาก นวัตกรรมนี้จึงไม่ใช่เพียงการนำสมุนไพรมาใช้ตามภูมิปัญญาเท่านั้น แต่ยังอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์เพื่อกำหนดสัดส่วนที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งควบคุมปริมาณสารสำคัญให้สม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีมาตรฐานในระดับอุตสาหกรรมต่อไปได้
นวัตกรรมนี้ยังแสดงให้เห็นถึงทางเลือกใหม่ของการพัฒนายารักษาโรคต่อมลูกหมากโตจากการออกฤทธิ์ที่มุ่งเป้าไปที่การยับยั้งผ่านกลไกการอักเสบ จึงแตกต่างจากยารักษาปัจจุบันที่เน้นเพียงการยับยั้งผ่านกลไกของฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งข้อมูลนี้มีความสำคัญต่อการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสมุนไพรไทยที่มีศักยภาพในการต่อยอดเชิงพาณิชย์ในอนาคต
ปัจจุบันผลงานดังกล่าวได้ดำเนินการยื่นขอจดอนุสิทธิบัตรและอยู่ระหว่างการเผยแพร่ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ
นวัตกรรม “สารสกัดเมทอกซีฟลาโวนเข้มข้นจากกระชายดำที่มีกลไกยับยั้งการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต” เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของทีมวิจัยนำโดย รองศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ร.ท.หญิง ดร.ภัสราภา โตวิวัฒน์ ภาควิชาเภสัชวิทยาและสรีรวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการต่อยอดองค์ความรู้ด้านสมุนไพรไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล โดยมุ่งเน้นการแก้ปัญหาสุขภาพของผู้ชายวัยกลางคนและผู้สูงอายุ โดยเฉพาะโรคต่อมลูกหมากโตที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
รศ.ภญ.ร.ท.หญิง ดร.ภัสราภา เปิดเผยว่าการเลือกใช้กระชายดำ (Kaempferia parviflora) เป็นวัตถุดิบหลักมิใช่เรื่องบังเอิญ สมุนไพรไทยชนิดนี้อุดมไปด้วยสารในกลุ่มเมทอกซีฟลาโวน (methoxyflavones) ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนเทสโทสเทอโรนไปเป็น DHT (Dihydrotestosterone) ตัวกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากขยายตัว
“สารสกัดเมทอกซีฟลาโวนเข้มข้นจากกระชายดำมีคุณสมบัติทางชีวภาพที่โดดเด่น ได้แก่ ฤทธิ์ต้านการอักเสบ และฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสียหายของเซลล์ และมีส่วนช่วยส่งเสริมการไหลเวียนเลือด ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพของต่อมลูกหมากและระบบสืบพันธุ์โดยรวม”
รศ.ภญ.ร.ท.หญิง ดร.ภัสราภา อธิบายถึงกระบวนการสกัดสารเมทอกซีฟลาโวนที่พัฒนาขึ้นใหม่และจดอนุสิทธิบัตรว่า กรรมวิธีนี้ทำให้ได้ปริมาณ 5,7-ไดเมทอกซีฟลาโวนในสารสกัดสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่ากรรมวิธีตามแบบแผนมากกว่าร้อยละ 11.95 และได้สารสกัดเมทอกซีฟลาโวนที่มีความเข้มข้นสูงกว่า 12% โดยมวล ด้วยการใช้ตัวทำละลายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้สารสกัดที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยต่อผู้บริโภค
เมื่อเปรียบเทียบกับสารสกัดกระชายดำทั่วไป สารสกัดที่ผ่านการเพิ่มความเข้มข้นนี้แสดงฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเซลล์ได้ดีกว่าถึง 10 เท่า และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสมุนไพรชนิดอื่นที่มีการศึกษาในด้านการยับยั้งต่อมลูกหมากโต เช่น Saw palmetto (ปาล์มเลื้อย), Pygeum africanum (พืชที่พบในแอฟริกา) หรือตำรับสมุนไพรจีน พบว่าสารเมทอกซีฟลาโวนจากกระชายดำมีจุดเด่นเฉพาะในด้านกลไกการออกฤทธิ์แบบหลายเป้าหมาย นอกจากจะยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการรักษาต่อมลูกหมากโตเหมือนกับยา finasteride แล้วสารเมทอกซีฟลาโวนยังสามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์ผ่านกลไกของ TGF-β ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ที่สำคัญคือกระชายดำยังมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศและส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบเหนือยาบางชนิดที่อาจส่งผลข้างเคียงต่อสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย”
รศ.ภญ.ร.ท.หญิง ดร.ภัสราภา กล่าวเพิ่มเติมว่ากระชายดำมีข้อได้เปรียบด้านความปลอดภัย การยอมรับในภูมิปัญญาพื้นบ้าน และมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลากหลาย ซึ่งตอบโจทย์การดูแลสุขภาพองค์รวมของผู้ชายวัยกลางคนและผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี การพัฒนาให้เป็นสารสกัดเมทอกซีฟลาโวนเข้มข้นที่ได้มาตรฐาน จึงถือเป็นการยกระดับจากภูมิปัญญาสู่นวัตกรรมสมุนไพรเชิงสุขภาพที่มีศักยภาพต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ และสามารถแข่งขันในตลาดสุขภาพระดับโลกได้ในอนาคต
การพัฒนานวัตกรรมจากกระชายดำมีส่วนช่วยเกษตรกรไทยอย่างเป็นรูปธรรม ศ.ภญ.ร.ท.หญิง ดร.ภัสราภา กล่าว
“กระชายดำเป็นพืชสมุนไพรเศรษฐกิจที่ปลูกได้ดีในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เมื่อมีการพัฒนางานวิจัยที่ยกระดับกระชายดำจากพืชพื้นบ้านไปสู่นวัตกรรมด้านสุขภาพที่มีศักยภาพในระดับสากล ความต้องการวัตถุดิบคุณภาพสูงจึงเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกร นอกจากนี้ ยังเป็นแรงผลักดันให้เกิดการจัดระบบการปลูก การแปรรูป และการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐาน GMP ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กระชายดำจากเดิมหลายเท่า รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้เกษตรกรเข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพสูงในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสมุนไพรทางเลือกในระยะยาวได้”
งานวิจัยทั้ง 2 ผลงานได้รับการสนับสนุนทุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ผลงานนวัตกรรมทั้งสองได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติ โดยคว้ารางวัลเหรียญทองจาก “The 8th China (Shanghai) International Invention & Innovation Expo 2025″ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน และได้รับรางวัล NRCT SPECIAL AWARD จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สะท้อนถึงศักยภาพของนวัตกรรมทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ กลไกการออกฤทธิ์ที่ชัดเจน และความเป็นไปได้ในการพัฒนาเชิงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ทั้งสองนวัตกรรมยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนและนักวิจัยจากยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยและมีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพได้จริงในตลาดโลก
ศ.ภญ.ร.ต.อ.หญิง ดร.สุชาดา และ ศ.ภญ.ร.ท.หญิง ดร.ภัสราภา เปิดเผยว่า ทีมวิจัยมีแผนพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือยาสมุนไพรที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต โดยจะมีการทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพเพิ่มเติมทั้งในระดับสัตว์ทดลองและการศึกษาทางคลินิก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
นอกจากนี้ในระยะยาว ทีมวิจัยยังมีแผนเชิงกลยุทธ์ในการขยายผลนวัตกรรมนี้ไปสู่ระดับอุตสาหกรรม โดยมองหาความร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่สามารถนำออกสู่ตลาดได้จริงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสมุนไพรไทยสู่การยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสำหรับผู้ชายที่ยังมีช่องว่างทางการตลาดอยู่มากในระดับโลก
ความสำเร็จจากสองนวัตกรรมสมุนไพรไทยของทีมนักวิจัยจุฬาฯ นี้ ไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจของเภสัชกรไทย แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับภูมิปัญญาไทยสู่เวทีโลกอย่างแท้จริง
ทุน C2F เสริมพลังจุฬาฯ สร้างผลงานวิชาการและงานวิจัย ขึ้นแท่นมหาวิทยาลัยระดับโลก
จุฬาเวิร์ส โลกเสมือนจริงแห่งการเรียนรู้ ตั้งเป้าแพลตฟอร์มชั้นนำรวบรวม Immersive Learning
MICROCAP เครื่องผลิตออกซิเจนจากจุลสาหร่าย กำจัด CO₂ เติมอากาศบริสุทธิ์ในอาคาร
วัคซีนไอกรนรุ่นใหม่ ลดขนาด ประสิทธิภาพคงเดิม ความสำเร็จของแพทย์ไทยเพื่อประชากรกลุ่มเสี่ยง
ภาควิชานาฏยศิลป์ จุฬาฯ พร้อมสร้างศิลปินนักวิชาการ อนุรักษ์-สร้างสรรค์-วิจัย เสริมพลังเศรษฐกิจในโลกดิจิทัลด้วย Soft Power
ข้าวหลามกึ่งสำเร็จรูป ของฝากจากชุมชน ไปได้ไกลถึงต่างแดน
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด
คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ รายละเอียดคุกกี้