Highlights

วิศวฯ จุฬาฯ นำองค์ความรู้สู่ “SMR” โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก พลังงานสะอาดเพื่ออนาคตไทย เทคโนโลยีใหม่ ปลอดภัยกว่าเดิม


จุฬาฯ มุ่งสู่คาร์บอนเป็นศูนย์ หนุนองค์ความรู้ด้านพลังงานนิวเคลียร์และเทคโนโลยี Small Modular Reactor (SMR) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กที่ปลอดภัยกว่าและไม่ปล่อยคาร์บอน เตรียมบุคลากรพร้อมขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่นคงทางพลังงานและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในอนาคต


หลายประเทศทั่วโลกกำลังเร่งก้าวเข้าสู่เป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์ ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน – แสงอาทิตย์ ลม น้ำ เป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่ได้รับความสนใจและมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง และที่ขาดไม่ได้เมื่อเอ่ยถึงพลังงานสะอาดประสิทธิภาพสูงที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็คือพลังงานนิวเคลียร์

ทุกวันนี้ เทรนด์ด้านพลังงานนิวเคลียร์ของโลกมุ่งไปที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กหรือ SMR (Small Modular Reactor) ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น ปลอดภัยกว่าเดิม และมีความยืดหยุ่นในการติดตั้ง ปัจจุบัน ในโลกมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กแล้ว 2 แห่ง ในประเทศจีนและรัสเซีย แต่ในอีกราว 5 ปีข้างหน้าจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ อาทิ จีน รัสเซีย แคนาดา อเมริกา

สำหรับประเทศไทย ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (Power Development Plan: PDP) ฉบับล่าสุดปี 2024 ก็ได้กล่าวถึงการพิจารณาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กให้เป็นทางเลือกในอนาคต ซึ่งประเทศไทยก็มีความพร้อมและมีการเตรียมบุคลากร องค์ความรู้ด้านนิวเคลียร์มาตลอดหลายทศวรรษโดยภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันเดียวในประเทศไทยที่มีการเรียนการสอนทางด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์

ครึ่งศตวรรษพลังงานนิวเคลียร์ของไทย

พลังงานนิวเคลียร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ของสังคมไทย หากแต่เป็นเรื่องที่มีการเตรียมความพร้อมมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ รองศาสตราจารย์นเรศร์ จันทน์ขาว อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าว่าประเทศไทยเริ่มพูดถึงพลังงานนิวเคลียร์มาตั้งแต่ปี 2509 และในปี 2510 ก็มีคำสั่งตั้งคณะอนุกรรมการ 10 ท่านเพื่อศึกษาความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ รวมถึงการฝึกอบรมบุคลากร”

รองศาสตราจารย์นเรศร์ จันทน์ขาว
อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“การเตรียมความพร้อมเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ยุคแรกเป็นไปอย่างจริงจัง มีการสำรวจพื้นที่หลายแห่ง จนได้ข้อสรุปให้ใช้พื้นที่อ่าวไผ่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของไทย โดยได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในขณะนั้น”

โครงการดังกล่าวนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเช่นกัน

“ในปี 2513 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดโรงเรียนวิศวกรรมนิวเคลียร์ (Nuclear Engineering School) โดยเริ่มจากการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นหลัก และต่อมาในปี 2514 ได้มีศาสตราจารย์จากสหรัฐอเมริกามาช่วยเขียนหลักสูตร จนในปี 2515 ได้เปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง (Graduate Diploma) และวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิตสาขาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ซึ่งในช่วงแรกยังไม่มีภาควิชา ท่านคณบดีเอาไปฝากไว้กับภาควิชาวิศวกรรมสุขาภิบาล หรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่าวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน จนกระทั่งปี 2517 จึงได้จัดตั้งเป็นภาควิชานิวเคลียร์เทคโนโลยีโดยเฉพาะ  ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์ในประเทศไทย โดยต่อมาได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น วิศวกรรมนิวเคลียร์ เพื่อให้กลมกลืนกับภาควิชาอื่น ๆ ในคณะวิศวกรรมศาสตร์”  รศ.นเรศร์ กล่าว

ตลอดระยะเวลา 50 ปี ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ มีบทบาทสำคัญในการผลิตบุคลากรและพัฒนาองค์ความรู้ในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่โครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องหยุดชะงัก

“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการต้องชะลอตัวครั้งแรกคือการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยราวปี 2520 มีการคาดการณ์ว่าแหล่งก๊าซธรรมชาติที่พบ จะใช้ได้อย่างน้อย 40 ปี ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็เกือบ 50 ปีแล้วยังใช้แหล่งพลังงานนี้ได้อยู่ ดังนั้น รัฐบาลจึงตัดสินใจชะลอโครงการไฟฟ้านิวเคลียร์ไปก่อน การพูดถึงโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะกลับมาเป็นระยะ ๆ ในช่วงที่เกิดวิกฤตด้านพลังงาน”

นอกจากการมีแหล่งก๊าซธรรมชาติแล้ว อุปสรรคสำคัญอีกประการของโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คือความเข้าใจและการยอมรับของประชาชน ยิ่งเมื่อมีข่าวอุบัติภัยที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเหตุเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ที่ยูเครน ระเบิดในปี 2529 และล่าสุดในปี 2554 เหตุการณ์ภัยพิบัติที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ อันเป็นผลมาจากเหตุการณ์คลื่นสึนามิ ผู้คนก็ยิ่งเกิดความหวาดกลัว ความไม่มั่นใจ จนนำไปสู่กระแสการต่อต้านและคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เพิ่มสูงขึ้น

“ทุกครั้งที่กำลังจะเริ่มโครงการ ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้นิวเคลียร์ดูแย่ ไม่ว่าจะเป็นเชอร์โนบิลหรือฟุกุชิมะ ทำให้คนกลัวและโครงการต้องหยุดชะงัก” รศ.นเรศร์ กล่าวพร้อมยกตัวอย่างกระแสการวิพากษ์วิจารณ์อุโมงค์จุฬาฯ ที่ปัจจุบันใช้งานมากว่า 40 ปีแล้ว “ในตอนที่สร้างอุโมงค์ ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าอันตราย น้ำจะท่วม ถนนจะยุบ คืออะไรก็ตามที่เป็นเรื่องใหม่ คนไม่คุ้น ไม่เข้าใจ ก็จะกลัวเป็นธรรมดา สิ่งที่เราต้องทำคือสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจเรื่องพลังงานนิวเคลียร์อย่างถูกต้องมากที่สุด”

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก อนาคตความมั่นคงทางพลังงาน

ความพยายามของหลายประเทศทั่วโลกในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ทำให้พลังงานนิวเคลียร์กลับมาได้รับความสนใจ แต่คราวนี้ไม่ใช่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ เช่นที่เคยเกิดภัยพิบัติและเป็นข่าว หากแต่ความหวังใหม่ของวงการพลังงานทั่วโลกอยู่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ SMR (Small Modular Reactor)

“SMR คือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบทันสมัยที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าไม่เกิน 300 เมกะวัตต์ ซึ่งเล็กกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิมที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าประมาณ 1,000 เมกะวัตต์” รองศาสตราจารย์ ดร.สมบูรณ์ รัศมี หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ อธิบาย

รองศาสตราจารย์ ดร.สมบูรณ์ รัศมี
หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ

ปัจจุบัน มีโรงไฟฟ้า SMR ที่ใช้งานจริงแล้วเพียง 2 แห่งในโลก แห่งแรกคือที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งติดตั้งบนเรือ ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 2×35 เมกะวัตต์ ซึ่งเดินเครื่องใช้งานตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2020 และอีกแห่งหนึ่งคือที่ประเทศจีน ซึ่งมีกำลังผลิตไฟฟ้าประมาณ 210  เมกะวัตต์ และจ่ายไฟให้กับประชาชนมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2021

“ตอนนี้มีโครงการโรงไฟฟ้า SMR อีกหลายแห่งที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อย่างที่จีนกำลังก่อสร้างอีก 1 ยูนิต คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีหน้า ส่วนแคนาดากำลังเริ่มก่อสร้างแล้วจำนวน 4 ยูนิต และสหรัฐอเมริกากำลังเตรียมพื้นที่ก่อสร้างอีกหลายแห่ง” รศ.ดร.สมบูรณ์ คาดว่าภายในปลายปี 2573 จะมี SMR เกิดขึ้นอีกหลายสิบแห่งทั่วโลก

สำหรับประเทศไทย หลังจากที่ได้ลงนามในเอกสาร NDC 3.0 (Nationally Determined Contribution) ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาในการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2608 โครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็กลับเข้ามาอยู่ในวงสนทนาของแผนพัฒนาชาติอย่างมากอีกครั้ง

ในแผนแม่บทเกี่ยวกับความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ – ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (Power Development Plan: PDP) ฉบับล่าสุดปี 2024 โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้มีการกล่าวถึงการพิจารณาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor – SMR) ให้เป็นทางเลือกในอนาคต โดยบรรจุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบ SMR ไว้ 2 หน่วย แห่งละประมาณ 300 เมกะวัตต์ไฟฟ้า ที่ภาคอีสานและภาคใต้ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในปี 2580

“ด้วยแรงกดดันของประชาคมโลกเรื่องคาร์บอน ทำให้ไทยมีทางเลือกไม่มาก ในอนาคตทุกคนจะถูกจับตามองว่าใช้ไฟจากแหล่งไหน ถ้ายังปล่อยคาร์บอนอยู่ ก็จะโดนคิดภาษีคาร์บอนเพิ่มเติม” รศ. ดร.สมบูรณ์ กล่าว “การใช้พลังงานทดแทนอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอ และมีความเสี่ยงเรื่องความมั่นคงทางไฟฟ้าของประเทศ พลังงานจากลมหรือแสงแดดมีข้อจำกัดเรื่องความต่อเนื่อง การใช้แบตเตอรี่สำรองก็จะเพิ่มต้นทุน แก๊สธรรมชาติหรือถ่านหินก็ยังปล่อยคาร์บอนในจำนวนมาก ทำให้วันนี้ไทยต้องหันมาใช้พลังงานทางเลือกอื่นที่คุมเรื่องความปลอดภัยได้และไม่ปล่อยคาร์บอน”

โมเดลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR)

SMR ก้าวกระโดด เทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อความปลอดภัยที่เหนือกว่า

รศ.ดร.สมบูรณ์ กล่าวว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กมีข้อได้เปรียบหลายประการ ข้อแรกคือเรื่องความยืดหยุ่น (Flexibility)

“ถ้าสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ เราจะต้องมั่นใจว่าในพื้นที่นั้นมีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณมากเพียงพอ แต่ SMR สามารถไปลงในชุมชนขนาดกลาง เกาะ หรือนิคมอุตสาหกรรมได้ ที่สำคัญ SMR ยังสามารถเพิ่มหน่วยการผลิตได้ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เริ่มต้นด้วย 100 เมกะวัตต์ในช่วง 5 ปีแรก พอมีความต้องการเพิ่มขึ้นก็สามารถเพิ่มอีก 200 เมกะวัตต์ได้ ซึ่งมีความยืดหยุ่นและตอบโจทย์การเติบโตทางเศรษฐกิจได้ดีกว่าโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนครั้งเดียวจำนวนมาก”

ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของ SMR คือระบบความปลอดภัยที่พัฒนาขึ้นใหม่ รศ.ดร.สมบูรณ์ อธิบายว่า SMR เกือบทุกแบบมีระบบความปลอดภัยที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้โดยไม่ต้องอาศัยแหล่งจ่ายไฟภายนอก แม้กระทั่งเมื่อเกิดภัยพิบัติ หรือเหตุฉุกเฉินขึ้น โรงไฟฟ้าจะหยุดทำงาน ระบบความปลอดภัยของ SMR จะสามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง ทำให้เครื่องปฏิกรณ์ดับลงอย่างปลอดภัย  ซึ่งการระบายความร้อนระหว่างเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินของ SMR ก็ใช้หลักการที่ลดความซับซ้อนและพึ่งพาตนเองได้มากยิ่งขึ้น โดยอาศัยการระบายความร้อนแบบธรรมชาติ เช่นระบบหมุนเวียนของของไหล หรือหลักการแรงโน้มถ่วง โดยไม่ต้องใช้สารหล่อเย็นหรือน้ำในปริมาณมากเหมือนโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อทำให้โรงไฟฟ้าดับเครื่องโดยปลอดภัย ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะทำให้แกนเครื่องปฎิกรณ์นิวเคลียร์หลอมเหลวและมีสารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกสู่สิ่งแวดล้อม เหมือนในกรณีเหตุการณ์อุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิม่า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ. 2011

โมเดลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR)

3 จุดเด่นของ SMR และประเด็นที่ต้องเตรียมการอย่างรอบคอบ  

รศ.ดร.สมบูรณ์ สรุปจุดเด่นของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กไว้ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่

1. ความปลอดภัย (Safety) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกิดอุบัติเหตุทั้ง 3 ครั้งในโลก เป็นโรงที่สร้างตั้งแต่ยุค 70 ซึ่งผ่านไปแล้วกว่า 50 ปี เทคโนโลยีได้พัฒนาไปมาก SMR มีระบบความปลอดภัยแบบพาสซีฟ (Passive Safety System) ที่ทำงานโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากภายนอก แม้เกิดภัยพิบัติและระบบไฟฟ้าขัดข้อง เครื่องปฏิกรณ์ก็สามารถดับลงอย่างปลอดภัยด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ขนาดที่เล็กลงยังทำให้ควบคุมและจัดการได้ง่ายกว่า

2. ปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ (Economics) การลงทุนครั้งแรกของ SMR ต่ำกว่าโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ และมีความยืดหยุ่นสูง สามารถติดตั้งในพื้นที่ห่างไกล เกาะ หรือนิคมอุตสาหกรรมที่โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ไปไม่ถึง นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มหน่วยการผลิตได้ตามความต้องการ ไม่ต้องลงทุนครั้งเดียวจำนวนมหาศาล

3. สิ่งแวดล้อม (Environment) SMR ไม่ปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณที่มีนัยสำคัญตลอดอายุการทำงานของโรงไฟฟ้า ช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถเชื่อถือได้มากกว่าพลังงานทดแทนอื่น ๆ

แม้ว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบ SMR จะมีขนาดเล็กกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม แต่ก็ยังคงมีประเด็นด้านกากกัมมันตภาพรังสีเช่นเดียวกัน ดังนั้นประเทศไทยจำเป็นต้องเตรียมแนวทางการจัดการกากกัมมันตภาพรังสีในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม เหมาะสมตามมาตรฐานสากล และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมได้ว่าประเทศมีระบบการเก็บรักษาและกำจัดของเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR ที่ปลอดภัยและตรวจสอบได้

SMR ต้นทุนและความคุ้มค่า

หนึ่งในคำถามที่ประชาชนสนใจมากที่สุดคือ “ถ้ามี SMR แล้วค่าไฟจะถูกลงหรือไม่?”

รศ.ดร.สมบูรณ์ ตอบประเด็นนี้ว่า “SMR ก็เหมือนผลิตภัณฑ์ใหม่ เหมือนเวลาที่มีโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ ออกมา แน่นอนว่าราคาจะไม่ถูก แต่เมื่อมีคนใช้มากขึ้น ราคาก็ควรจะลดลงตามกลไกตลาด”

รองศาสตราจารย์ ดร.สมบูรณ์ รัศมี หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ

ที่สำคัญ รศ.ดร.สมบูรณ์ กล่าวว่าการประเมินความคุ้มค่าไม่ควรมองแค่ราคาเท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงข้อได้เปรียบหลายประการ ได้แก่

  • ความมั่นคงทางพลังงาน – โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กสามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ไม่ขึ้นกับสภาพอากาศเหมือนพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
  • การไม่ปลดปล่อยคาร์บอน – ช่วยให้ประเทศไม่ต้องจ่ายภาษีคาร์บอนและรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการลงทุน
  • ความยืดหยุ่น – สามารถติดตั้งในพื้นที่ห่างไกลและเพิ่มกำลังการผลิตได้ตามความต้องการ

อาเซียนตื่นตัวเดินหน้าพลังงานนิวเคลียร์ ไทยอยู่จุดไหน?

“ปัจจุบัน ในโลก มี SMR ที่ใช้งานจริงเพียง 2 แห่ง และอีก 4-5 แห่งกำลังเริ่มทำการก่อสร้าง ประเทศไทยไม่ได้จะใข้งานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR ในปีนี้หรือปีหน้า ตามแผนคืออีกประมาณ 12 ปีข้างหน้า ซึ่งเมื่อถึงช่วงเวลานั้น คาดการณ์ว่าจะมีการใช้ SMR เพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งจะทำให้ราคาจะลดลงและมีความสมเหตุสมผล แข่งขันกับโรงไฟฟ้าประเภทอื่นได้มากขึ้น”

ประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศกำลังเดินหน้าโครงการพลังงานนิวเคลียร์อย่างจริงจัง รศ. ดร.สมบูรณ์ กล่าวว่า เวียดนามมีก้าวหน้าของการดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มากกว่าประเทศไทย เพราะมีการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างแข็งขัน และผู้นำประเทศก็ออกมาสนับสนุนโดยตรง อินโดนีเซียก็เดินหน้าอย่างจริงจังเช่นกัน โดยมีพื้นฐานด้านการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาหลายปี มีการพัฒนาเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ขึ้นเอง และวางแผนว่าปี ค.ศ. 2032 จะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรก ส่วนฟิลิปปินส์ก็มีแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รวมถึง SMR ภายในปี ค.ศ.2033-34

“เห็นได้ว่าหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคนี้มีความก้าวหน้าที่เร็วกว่าไทยประมาณ 5 ปี ดังนั้นหากไทยยังตัดสินใจในการเริ่มดำเนินโครงการช้ากว่า ก็จะเสียความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งการแข่งขันนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของความสามารถในการดึงดูดการลงทุน ประเทศไหนที่ผลิตพลังงานสะอาดที่ไม่ปล่อยคาร์บอน ประเทศนั้นก็มีโอกาสที่จะเป็นที่สนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ AI และ Data Center ที่ใช้ไฟฟ้ามหาศาลและต้องการพลังงานสะอาด” รศ.ดร.สมบูรณ์ อธิบาย

จุฬาฯ ศูนย์กลางความรู้และกำลังคน เตรียมพร้อมสู่ SMR

การมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสำหรับประเทศที่ไม่เคยมีมาก่อน รศ.ดร.สมบูรณ์ อธิบายว่าตามมาตรฐานของทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ประเทศที่ไม่เคยมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อมอย่างน้อย 10-12 ปี ซึ่งกระบวนการเตรียมความพร้อมนั้นจำเป็นต้องครอบคลุม 19 ด้าน เช่น 1) บุคลากร – ต้องมีวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ
2) กฎหมายและข้อกำหนด – ต้องมีกฎหมายที่เหมาะสมในการควบคุมและกำกับดูแล
3) แผนจัดการ – ต้องมีแผนรองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินและแผนจัดการเชื้อเพลิงใช้แล้ว
4) การเงิน – ต้องมีการสนับสนุนทางการเงินจากภาครัฐอย่างชัดเจน

“การมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่อยากได้แล้วพรุ่งนี้จะซื้อได้เลย แต่จะต้องโชว์ศักยภาพและได้รับการยอมรับจากนานาชาติ บริษัทผลิตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และ หน่วยงานระหว่างประเทศ IAEA ว่าประเทศมีความพร้อมในการดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR ซึ่งภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ มีบทบาทในการเตรียมความพร้อมด้านนิวเคลียร์ด้านการพัฒนากำลังคนให้ประเทศมาโดยตลอด”

การเรียนการสอนโปรแกรมจำลองโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR)

“ไม่ว่าจะมีโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือไม่ ภาควิชาก็ยังเปิดสอนและทำวิจัยต่อเนื่อง เพราะถ้าเราปิดภาควิชาหรือหยุดสอนและทำวิจัย ความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์ก็จะขาดตอนไป การเริ่มใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย จุฬาฯ เป็นแหล่งผลิต วิศวกร นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์โดยเฉพาะ และขณะนี้หลาย ๆ มหาวิทยาลัยเริ่มสนใจจะจัดตั้งหลักสูตรทางด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์ ซึ่ง  จุฬาฯ ก็พร้อมที่จะให้คำแนะนำและพัฒนาในการจัดทำหลักสูตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศด้านการพัฒนาบุคลากรด้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์”

ปัจจุบัน ภาควิชาฯ ได้มีส่วนร่วมในการเตรียมความพร้อมของประเทศทางด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์ผ่านหลายช่องทาง

  • หลักสูตรฝึกอบรม – จัดคอร์สอบรมระยะสั้น 18 ชั่วโมง ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัทเอกชนด้านพลังงานหลายแห่ง ปีนี้จัดไปแล้วประมาณ 3-4 คอร์ส รุ่นละ 50 คน
  • การผลิตบัณฑิต – เปิดหลักสูตรปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์และรังสี ตั้งแต่ปี 2515 จนถึงปัจจุบัน มีผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและเอกหลายร้อยคน
  • บริการด้านวิชาการ – ให้คำปรึกษาแก่บริษัทเอกชนและหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับการเลือกพื้นที่ การประเมินความเหมาะสม และการวางแผนโครงการ การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม

นิวเคลียร์ในชีวิตประจำวัน

ไม่ว่าจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือไม่ เทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมาตั้งนานแล้ว รศ.นเรศร์ ให้ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น

ทางการแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มีเครื่องโปรตอนซึ่งใช้รังสีในการรักษามะเร็ง โดยสามารถยิงรังสีได้แม่นยำเฉพาะจุด ไม่กระทบต่ออวัยวะอื่น ๆ เหมือนการฉายแสงแบบเก่า

อุตสาหกรรมอาหารและยา มีการฉายรังสีแกมมาใช้ฆ่าเชื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ยาดมสมุนไพรที่กำลังได้รับความสนใจ ไปจนถึงแหนม ผลไม้ อาหารสัตว์ที่ส่งออก กระบอกฉีดยา หลอดน้ำเกลือที่ใช้ในโรงพยาบาล ล้วนต้องผ่านการฉายรังสีเพื่อฆ่าเชื้อทั้งสิ้น

การควบคุมคุณภาพ ในโรงงานผลิตเครื่องดื่ม ใช้รังสีวัดระดับของเหลวในขวดเพื่อให้ได้ปริมาณที่เท่ากัน ในโรงงานผลิตอาวุธของทหาร ใช้เอ็กซ์เรย์ตรวจสอบคุณภาพ แม้แต่ไม้จิ้มฟันบางยี่ห้อก็ผ่านการฉายรังสีเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

“วิศวกรรมนิวเคลียร์ จุฬาฯ ได้ผลิตบุคลากรเข้าไปทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จำนวนมาก ดังนั้น แม้   ไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ความรู้ทางนิวเคลียร์ก็มีประโยชน์อย่างมากต่อสังคม” รศ.นเรศร์ กล่าว

ธาตุหายากกับเทคโนโลยีทางนิวเคลียร์

รศ.นเรศร์ อธิบายเพิ่มเติมต่อว่าอีกหนึ่งมิติที่น่าสนใจคือความเกี่ยวข้องระหว่างเทคโนโลยีนิวเคลียร์กับธาตุหายาก (Rare Earth) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับเทคโนโลยีทันสมัย เช่น สมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดรน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ

“ธาตุหายากมักมีธาตุกัมมันตรังสีเจือปนอยู่ การสำรวจและวิเคราะห์จึงสามารถใช้เทคนิคทางนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังมีเทคนิคทางนิวเคลียร์หลายอย่างที่สามารถใช้ในการสำรวจ บ่งบอกชนิด และวิเคราะห์ปริมาณธาตุหายากได้ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเคยมีโครงการแร่หายาก มีโรงงานที่ออกแบบแล้ว แต่ต้องหยุดไปก่อน ขณะนี้จึงยังไม่สายที่จะพัฒนาต่อ เพราะแร่ธาตุหายากมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมไฮเทคเป็นอย่างมาก”

การยอมรับของประชาชนเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ

แม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR จะมีข้อดีหลายประการและตอบโจทย์ความมั่นคงด้านพลังงานและเป้าหมาย Net Zero แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องรับมือ อาทิ ความชัดเจนของประเทศในการดำเนินโครงการ การพัฒนามีองค์กรที่กำกับดูแล กฎหมาย การพัฒนาด้านบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ที่ปัจจุบันยังมีนิสิตเข้าเรียนในภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ไม่มากพอ และที่สำคัญคือการยอมรับของภาคประชาชน

เหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ฟุกุชิมะในปี 2554 อาจทำให้การยอมรับพลังงานนิวเคลียร์ของประชาชนลดลง แต่ รศ.ดร.สมบูรณ์ ก็ตั้งข้อสังเกตว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีการให้ข้อมูลเรื่อง SMR ประชาชนตามสังคมออนไลน์เริ่มมองว่านี่คือเทคโนโลยีใหม่ที่ทันสมัยกว่า ปลอดภัยกว่า โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มยอมรับเทคโนโลยีนี้มากขึ้น

“หน้าที่ของสถาบันการศึกษาคือการให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมากับประชาชนว่าเทคโนโลยีนี้คืออะไร มีการพัฒนาปรับปรุงมาอย่างไร โอกาสเกิดอุบัติเหตุมีมากน้อยเท่าใด เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอดีต โอกาสเกิดอุบัติเหตุมีเท่าใด พร้อมทั้งชี้ให้เห็นข้อดีและข้อด้อยอย่างครบถ้วน เมื่อให้ข้อมูลครบแล้ว การตัดสินใจก็เป็นของประชาชน ซึ่งทุกคนเราก็ต้องยอมรับผลตรงนั้น” รศ.ดร.สมบูรณ์ กล่าวสรุป

“อยากวิงวอนผู้บริหารประเทศให้โอกาสผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ได้เข้ามาบริหารหน่วยงานหลักทางด้านนิวเคลียร์ของประเทศ  ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.)  และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) เพื่อประเทศของเราจะได้ก้าวไปสู่ยุคที่เทคโนโลยีนิวเคลียร์สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศทางด้านต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงาน อุตสาหกรรม เกษตรกรรม  สิ่งแวดล้อม  วัสดุ และอื่น ๆ”  รศ.นเรศร์กล่าวทิ้งท้ายไว้

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก SMR คือโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยควรเตรียมตัวไว้ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาอย่างมาก ระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่า ความยืดหยุ่นในการติดตั้ง และที่สำคัญคือการไม่ปลดปล่อยคาร์บอน  และด้วยความมุ่งมั่นที่สั่งสมมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ความรู้และประสบการณ์ ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ พร้อมเป็นส่วนร่วมในการพัฒนาโอกาสของประเทศในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานอย่างยั่งยืน

ในอีกประมาณ 12 ปีข้างหน้า ประเทศไทยมีแผนที่จะเริ่มใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กแห่งแรกที่จะเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าได้จริง พลังงานสะอาดยุคใหม่อยู่แค่เอื้อมและประเทศไทยกำลังเตรียมความพร้อมที่จะก้าวไปสู่อนาคตนั้น

ติดตามข่าวสารและข้อมูลของภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทาง Facebook: Nuclear Engineering, Chulalongkorn University

https://www.facebook.com/NuclearChulaEngineering

จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด

คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า