Highlights

ข้อเข่าเสื่อม โรคฮิตในผู้สูงอายุ รักษาได้ด้วยยาและการผ่าตัด


ข้อเข่าเสื่อม โรคเสี่ยงของคนวัย 60 ปีขึ้นไป แพทย์ จุฬาฯ แนะ รักษาตามอาการโดยการกินยา ฉีดยา และผ่าตัด แต่ดีที่สุดคือการป้องกันด้วยการลดน้ำหนักและออกกำลังกายแบบ Low Impact Exercise


เวลาขึ้นบันไดแล้วเกิดกระดูกลั่นเสียงดัง “กร๊อบแกร๊บ!” อย่าเพิ่งตกใจและด่วนสรุปว่าเป็นอาการข้อเข่าเสื่อม เพราะนั่นอาจเป็นเพียงอาการกระดูกอ่อนที่ข้อเข่าเสียดสีกันก็ได้ แต่เมื่อใดที่คุณมีอาการปวดข้อเข่าจนส่งผลกระทบต่อการเดิน ยืน นั่ง และทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน นั่นคือสัญญาณว่าคุณควรไปพบแพทย์ได้แล้ว  

“คนไข้ที่มารักษาอาการข้อเข่าเสื่อมมักจะมาเมื่อมีอาการมากแล้ว” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.สีหธัช งามอุโฆษ ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวและเล่าถึงอาการหลักของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมว่า “ข้อเข่าเสื่อมไม่ได้แสดงอาการแบบเฉียบพลัน แต่คนไข้จะมีอาการปวดเข่าแบบค่อยเป็นค่อยไป และจะปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ นานหลายเดือน ขึ้นลงบันไดยากขึ้น นั่งคุกเข่าและนั่งขัดสมาธิลำบาก เข่าโก่ง เข่าผิดรูป”

ผศ.นพ.สีหธัช งามอุโฆษ ภาควิชาออร์โธปิดิกส์
ผศ.นพ.สีหธัช งามอุโฆษ ภาควิชาออร์โธปิดิกส์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นอาการเสื่อมของร่างกายตามวัย จึงมุ่งเน้นการรักษาเพื่อบรรเทาอาการให้ผู้ป่วยสามารถเดินหรือทำกิจวัตรประจำวันได้ตามสมควรโดยไม่เจ็บปวด

“คนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะมีอาการข้อเข่าเสื่อมมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งมีโอกาสเป็นมากขึ้น ถ้าเราดูจากจำนวนประชากรจริง ๆ ผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมก็น่าจะเยอะกว่าที่มารักษา” ผศ. นพ.สีหธัช กล่าว นี่ยังไม่นับแนวโน้มในอนาคต ที่สังคมไทยจะกลายเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) จำนวนผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมจะมากขนาดไหน

หน้าที่หลักของเข่าคือการรับน้ำหนักและช่วยให้เคลื่อนไหว เช่น การยืน เดิน นั่ง และทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เข่าเป็นข้อต่อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ทำงานเหมือนข้อบานพับเพื่อให้ขาพับ งอ และเหยียดได้ ข้อเข่าจึงต้องมีความมั่นคง เดินแล้วไม่หกล้ม ไม่มีความเจ็บปวด ถ้าเมื่อใดมีอาการเจ็บข้อเข่าเป็นระยะเวลานาน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้ชัดเจน

อาการข้อเข่าเสื่อมมี 2 ประเภทด้วยกัน คือ ข้อเข่าเสื่อมแบบปฐมภูมิ และ ข้อเข่าเสื่อมทุติยภูมิ
อาการข้อเข่าเสื่อมมี 2 ประเภทด้วยกัน คือ ข้อเข่าเสื่อมแบบปฐมภูมิ และ ข้อเข่าเสื่อมทุติยภูมิ

อาการข้อเข่าเสื่อมมี 2 ประเภทด้วยกัน คือ

  • ข้อเข่าเสื่อมแบบปฐมภูมิ (Primary Osteoarthritis) พบในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป  หรือคนมีน้ำหนักตัวมาก
  • ข้อเข่าเสื่อมทุติยภูมิ (Secondary Osteoarthritis) คือกลุ่มของผู้ป่วยที่มีโรคอื่น ๆ นำมาก่อน เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ต่อมาเป็นข้อเข่าเสื่อม หรือผู้ที่มีอาการบาดเจ็บที่ข้อเข่า เช่นกระดูกหักจากอุบัติเหตุหรือเส้นเอ็นฉีกขาดจากการเล่นกีฬาทำให้มีแนวโน้มเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม

“การรักษาข้อเข่าเสื่อมขึ้นอยู่กับระยะรุนแรงของโรค กลุ่มที่ไม่รุนแรง จะมีอาการกำเริบเป็นบางช่วงเช่นเดินเยอะหรือขึ้นลงบันไดมากกว่าปกติ เราก็จะให้ยารักษาอาการปวดอาการอักเสบ เพื่อจะกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ สำหรับผู้ที่เป็นรุนแรง หากรักษาไม่ต่อเนื่องอาจมีอาการปวดรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตได้” ผศ. นพ.สีหธัช กล่าว  

ผศ. นพ.สีหธัช อธิบายถึงการรักษาอาการข้อเข่าเสื่อมด้วยยาว่า “เบื้องต้นจะใช้ยาลดอาการอักเสบของข้อแบบรับประทานเพื่อลดอาการปวด และยังมียาที่สามารถบรรเทาอาการและชะลอความเสื่อมของข้อ เช่น กลูโคซามีน (Glucosamine) ที่มักเรียกกันว่า ”ยาบำรุงเข่า”

ผศ.นพ.สีหธัช งามอุโฆษ ภาควิชาออร์โธปิดิกส์

สำหรับยาฉีดมีหลายประเภทคือยาลดอักเสบไปยังข้อเข่าโดยตรง เช่น กลุ่มยาสเตียรอยด์ (ยาที่มีคุณสมบัติเพื่อรักษาการอักเสบ) ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ได้รับความนิยม หรืออีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs หรือ NSAIDs)

“ปัจจุบันยังมียาฉีด Hyaluronic Acid หรือ HA ลักษณะคล้ายเจลฉีดเข้าไปในข้อเข่าเพื่อหล่อลื่นข้อเข่า ซึ่งมีราคาหลักพันจนถึงหลักหมื่น และการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น Platelet-Rich Plasma หรือ PRP ซึ่งเป็นการเจาะเลือดของผู้ป่วยเองแล้วเอามาปั่น เพื่อให้ได้เกล็ดเลือดที่เข้มข้นขึ้นและฉีดเข้าไปในข้อเข่าของผู้ป่วย” 

สำหรับผู้ป่วยที่กินยาและฉีดยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น คงต้องพึ่งการรักษาด้วยการผ่าตัดข้อเข่า ทั้งนี้ การผ่าตัดข้อเข่าเสื่อมมี 2 ประเภทคือ เปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งข้อ (Total Knee Replacement) และ เปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (Partial Knee Replacement) โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาผู้ป่วยที่เหมาะสม

การผ่าตัดข้อเข่าเสื่อมมี 2 ประเภทคือ เปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งข้อ และเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน
การผ่าตัดข้อเข่าเสื่อมมี 2 ประเภทคือ เปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งข้อ และเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน

ผศ. นพ.สีหธัช อธิบายว่าวัสดุที่ใช้แทนข้อเข่าเป็นโลหะ 2 ชิ้นยึดติดกับกระดูกต้นขาและหน้าแข้ง มีชิ้นพลาสติกโพลีเอทิลีน (polyethylene) ชนิดพิเศษยึดระหว่างโลหะทั้ง 2 ชิ้น ในปัจจุบันข้อเข่าเทียมในผู้สูงอายุมักจะอยู่ได้แข่งกับอายุผู้ป่วย

“ปัจจุบันหลังได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ผู้ป่วยสามารถเดินได้ภายใน 24 ชั่วโมงโดยใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน (วอล์คเกอร์) และจะกลับมาใช้ชีวิตปกติประมาณเวลาที่ 6 สัปดาห์ – 3 เดือน ซึ่งสามารถเดินได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย”

ผศ. นพ.สีหธัช กล่าวว่าการผ่าตัดในปัจจุบันมีความแม่นยำสูงและปลอดภัย นอกจากความเชี่ยวชาญของแพทย์แล้ว ปัจจุบันยังใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด (Robotic-Assisted Knee Replacement) ลักษณะคล้ายกับแขนกลเพื่อให้การผ่าตัดแม่นยำยิ่งขึ้นและให้ข้อมูลการผ่าตัดแบบทันที

หลายคนคงเคยได้ยินว่าคอลลาเจนช่วยรักษาอาการข้อเข่าเสื่อม ผศ. นพ.สีหธัช ให้ความเห็นว่า “กลุ่มอาหารเสริม Collagen Type II มีงานวิจัยรับรองว่าบรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อมได้ สมุนไพรขมิ้นชันก็ได้รับการพิสูจน์ว่าบรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อมได้ ส่วนสมุนไพรอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน การออกกำลังกายที่พอดีและเหมาะสมก็ช่วยป้องกันหรือชะลออาการข้อเข่าเสื่อมได้

“ถึงแม้โรคข้อเข่าเสื่อมจะรักษาไม่หายขาด แต่เราสามารถป้องกันโรคได้ด้วยการออกกำลังกายที่แรงกระแทกต่ำ (Low Impact exercise) เช่น เดินออกกำลังกาย ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดอาการปวด เช่น นั่งยอง นั่งคุกเข่า”  

สำหรับผู้มีน้ำหนักตัวมากจนเป็นเหตุให้มีอาการข้อเข่าเสื่อม ผศ. นพ.สีหธัช แนะนำให้ลดน้ำหนักลงอย่างน้อย 5% ของน้ำหนักตัว อาการปวดก็จะดีขึ้นตามลำดับ

สุดท้าย ผศ. นพ.สีหธัช แนะนำผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมว่า “หากเริ่มมีอาการควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา และไม่ควรซื้อยารับประทานเอง”  

Information Box


  1. บริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าอยู่เสมอ
  2. หลีกเลี่ยงการขึ้นลงบันไดหลาย ๆ ชั้น บ่อย ๆ
  3. ควบคุมน้ำหนักตัว
  4. หลีกเลี่ยงการนั่งยอง ๆ นั่งขัดสมาธิ และนั่งคุกเข่า เป็นเวลานาน
  5. เลือกท่านั่งที่เหมาะสม นั่งบนเก้าอี้ที่สูงพอดี ให้เข่างอประมาณ 90 องศา และเท้าทั้งสองข้างวางราบกับพื้น
  6. เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ทั้งการยืนและนั่ง เพื่อลดแรงกดที่ข้อเข่าอย่างต่อเนื่อง
  7. หลีกเลี่ยงการยกหรือแบกของหนัก
  8. เลือกสวมรองเท้าที่เหมาะสม เช่นรองเท้าที่รองรับแรงกระแทกได้ดี

จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้

ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า