เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เห็นด้วยเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ แนะเร่งพัฒนาฝีมือแรงงาน

ศาสตราภิชาน แล ดิลกวิทยรัตน์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงสภาวะยากจนและค่าครองชีพที่สูงขึ้นว่าเป็นปัญหาของคนส่วนใหญ่ในประเทศ ภาพสำคัญที่สะท้อนว่าค่าจ้าง ขั้นต่ำในอัตราปัจจุบันไม่เพียงพอ คือการทำงานล่วงเวลาของบรรดาลูกจ้างที่ต้องดิ้นรนทำงานเกินวันละ 8 ชั่วโมงตามที่กฎหมายระบุ ซึ่งแลกมาด้วยคุณภาพชีวิตที่ถดถอย กลับบ้านดึก มีเวลาให้ครอบครัวน้อยลง
ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานจากรั้วจุฬา ฯ เสนอการแก้ปัญหา 3 ข้ออย่างตรงจุดที่นายจ้างและลูกจ้างได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ข้อแรกคือ การพัฒนาฝีมือแรงงานให้สูงขึ้น เมื่อลูกจ้างทำผลงานได้ดีขึ้น นายจ้างก็สามารถจ่ายค่าจ้างได้โดยไม่เดือดร้อนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น สิ่งที่ภาครัฐและนายจ้างควรทำในระยะยาวคือการเพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน ด้วยการลงทุนวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่นำไปสู่การสร้างผลิตผลที่มากขึ้น
ข้อที่สองคือ การบังคับใช้ค่าจ้างขั้นต่ำให้เป็นไปตามนิยามอย่างแท้จริง โดยนิยามของ “ค่าจ้างขั้นต่ำ” คือค่าตอบแทนต่ำสุดที่นายจ้างจะต้องจ่ายแก่ลูกจ้าง “แรกเข้าและไร้ฝีมือ”
ข้อที่สามคือ การเพิ่มอัตราเงินสมทบ เพราะอัตราเงินสมทบที่คิดจากเพดานเงินเดือนลูกจ้างเพียงแค่ไม่เกิน 15,000 บาทในปัจจุบัน ไม่สามารถให้หลักประกันที่มั่นคงกับชีวิตของแรงงานได้
ศาสตราภิชาน แล มองว่าตลาดแรงงานไทยในภาพรวมเมื่อเปรียบเทียบกับทั่วโลกถือว่ามีปัญหาน้อย แต่ประเด็นสำคัญคือประสิทธิภาพแรงงานยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร จึงทำให้ได้ค่าตอบแทนที่ต่ำไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ลูกจ้างเป็นอาชีพที่มีความมั่นคงต่ำ และอำนาจต่อรอง ในการกู้ยืมน้อย เมื่อค่าจ้างขึ้นไม่ทันรายจ่าย การก่อหนี้ย่อมตามมา นำไปสู่การกู้ยืมนอกระบบที่เสียดอกเบี้ยแพงกว่ามาก ทำให้ยอดหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ยิ่งเป็นการทับถมปัญหาที่เลวร้ายที่สุดของประเทศไทยคือความเหลื่อมล้ำ

จุฬาฯ เป็นที่ที่เราได้มาพบตัวเองจริงๆ และเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด
คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ) นิสิตเก่า คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย