Highlights

โรคไตเรื้อรัง ตรวจพบแต่แรก มีโอกาสหายขาด แถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรัง จากจุฬา ฯ ใช้ง่าย รู้ผลใน 15 นาที!


คณะวิจัย จุฬาฯ พัฒนาแถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรังระยะเริ่มต้น ใช้ง่าย รู้ผลไว เพิ่มโอกาสหายขาดจากโรค และยังช่วยลดงบสาธารณสุขปีละกว่าหมื่นล้านบาทที่ใช้กับผู้ป่วยโรคไตที่เพิ่มขึ้นทุกปี เล็งจำหน่ายต้นปีหน้า


โรคไตเรื้อรังเป็นภัยเงียบที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยจำนวนมากในแต่ละปี ประมาณการณ์ว่าในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตประมาณ 17 % ของจำนวนประชากรหรือราว 8 ล้านคน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นกลุ่มที่อาการยังไม่ปรากฎ จึงไม่ไปตรวจและยังคงดำเนินพฤติกรรมซ้ำเติมไตให้ถดถอยลงไปเรื่อยๆ

“กว่าร่างกายจะแสดงอาการที่บ่งชี้ถึงโรคไตเรื้อรัง เช่น มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยและตัวบวม ผู้ป่วยก็เข้าสู่ระยะค่อนข้างหนักซึ่งไตทำงานได้เพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้น ระยะของโรคมีความสำคัญต่อผลการรักษา หากตรวจพบเจอตั้งแต่มี​​อาการ โรคไตระยะแรก ก็จะสามารถชะลอความเสื่อมของไตได้ดีกว่าและมีโอกาสที่จะหายขาดจากโรคไตได้สูงมาก” รองศาสตราจารย์ ดร.นพ.ณัฐชัย ศรีสวัสดิ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงโอกาสในการลดจำนวนผู้ป่วยไตในประเทศ

Developing innovative screening strips for early-stage chronic kidney disease
รองศาสตราจารย์ ดร.นพ.ณัฐชัย ศรีสวัสดิ์
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปัญหาเรื่องบประมาณในการดูแลผู้ป่วยโรคไตที่มีค่าไตสูง ไตทํางานผิดปกติ

รศ.ดร.นพ.ณัฐชัย เผยว่าปัจจุบัน สำนักหลักประกันสุขภาพและสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติใช้งบราว 10,000 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในการฟอกไตทั้งทางเส้นเลือดและทางหน้าท้อง ซึ่งคาดว่างบส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นทุกปีๆ ละ 500 ล้านบาท เนื่องจากผู้ป่วยโรคไตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (แต่ละคนมีค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 200,000 บาท/ปี) หากยังไม่มีมาตรการใดๆ หยุดยั้งแนวโน้มโรคไตเรื้อรัง งบประมาณและอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็จะไม่เพียงพอ

Developing innovative screening strips for early-stage chronic kidney disease
รองศาสตราจารย์ ดร. กิตตินันท์ โกมลภิส
สถาบันวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพและวิศวกรรมพันธุศาสตร์ จุฬาฯ

งานวิจัยจุฬาฯ พัฒนาชุดตรวจโรคไตด้วยตนเอง

ด้วยทุนสนับสนุนการวิจัยจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) รศ.ดร.ณัฐชัย จึงได้ร่วมมือกับ รองศาสตราจารย์ ดร. กิตตินันท์ โกมลภิส สถาบันวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพและวิศวกรรมพันธุศาสตร์ จุฬาฯ พัฒนา“นวัตกรรมแถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรังในระยะเริ่มต้น”  เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถตรวจสอบอาการโรคไตระยะแรกได้ด้วยตัวเองแบบปัสสาวะ ไม่ต้องกังวลคอยเช็คราคาการเจาะเลือดตรวจไต

“หากมีชุดตรวจที่เข้าถึงได้ง่ายก็จะทำให้คนไข้ตระหนักถึงโรคไตได้ดีขึ้น และเข้ารับการรักษาได้เร็วโดยไม่ต้องรอให้หนักถึงขั้นที่ต้องใช้การฟอกไต หากนำไปใช้ได้จริง จะทำให้รัฐบาลใช้งบประมาณในการฟอกไตผู้ป่วยลดลง”

แถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรัง ใช้ง่าย รู้ผลเร็ว

วิธีการตรวจโรคไตเรื้อรังโดยทั่วไปมี 2 วิธี คือ การเจาะเลือดตรวจค่าไตซึ่งใช้เวลานานและผู้ป่วยต้องเดินทางมารับบริการที่สถานพยาบาล อีกวิธีเป็นการตรวจโดยใช้ปัสสาวะ ซึ่งชุดตรวจที่มีในตลาดจะเป็นการตรวจจากโปรตีนในปัสสาวะ ไม่ใช่การตรวจไมโครอัลบูมิน (Microalbumin) ซึ่งมีความจำเพาะต่อโรคไตเรื้อรังมากกว่า และแม้ว่าที่โรงพยาบาลจะมีการตรวจอัลบูมินเหมือนกัน แต่การอ่านผลต้องอาศัยบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น

Kidney disease self-examination kit
แถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรัง

“นวัตกรรมแถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรังในระยะเริ่มต้นเป็นการตรวจหาโปรตีนไมโครอัลบูมินในปัสสาวะ (Micro albuminuria) ซึ่งเป็นสารที่บ่งชี้โรคไตเรื้อรังได้ชัดเจนที่สุด”

“ผู้ป่วยสามารถตรวจคัดกรองโรคและอ่านผลได้เองที่บ้าน โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวเนื่องจากเป็นการตรวจจากปัสสาวะ การใช้งานก็ง่ายคล้ายกับการใช้แถบตรวจการตั้งครรภ์ ที่มีขายในท้องตลาด ผู้ตรวจเก็บปัสสาวะในช่วงเช้าหลังจากตื่นนอนหรือก่อนทานอาหารเช้า และหยดปัสสาวะ 3 หยดลงไปบนแถบตรวจ รอผลเพียง 15 นาที หากมีค่าไมโครอัลบูมินผิดปกติจะมีแถบขึ้น 1 แถบ แต่หากมีค่าไมโครอัลบูมิน (Microalbumin) อยู่ในเกณฑ์ปกติ จะมีแถบขึ้น 2 แถบ”  รศ.ดร.นพ.ณัฐชัย อธิบายวิธีการใช้แถบตรวจและอ่านผลแถบตรวจ

Kidney disease self-examination kit
ตัวอย่างผลตรวจจากแถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรัง

จากผลการวิจัยที่นำไปใช้กับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังและผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคไต พบว่าชุดตรวจมีความไว 86 เปอร์เซ็นต์ ความจำเพาะ 94 เปอร์เซ็นต์ และความถูกต้อง 87 เปอร์เซ็นต์ โดยได้มีการตีพิมพ์ผลงานวิจัยทางวารสารทางการแพทย์แล้ว และเร็วๆ นี้ ก็จะมีการทดสอบนวัตกรรมแถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรังในระยะเริ่มต้นในชุมชนกับผู้ป่วยจำนวนประมาณ 2,500 คน

ใครบ้างควรใช้แถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรัง

แม้ระยะเริ่มต้นโรคไตเรื้อรังจะไม่แสดงออก แต่กลุ่มที่ควรตรวจคัดกรองคือผู้ที่มีโรคหรือสภาพร่างกายที่อาจส่งผลให้ไตทำงานผิดปกติ ได้แก่ 

  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
  • ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ที่บางทีอาจไม่ได้เข้ารับการตรวจค่าไตเป็นประจำ

“คนกลุ่มนี้ควรเข้ารับการตรวจอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อที่จะได้รับทราบการทำงานของไต ตรวจค่าไตว่าปกติหรือค่าไตอยู่ในเกณฑ์สูง และหาทางรับมือได้อย่างทันท่วงที” รศ.ดร.นพ.ณัฐชัย แนะ

และนอกจากกลุ่มเสี่ยงข้างต้นแล้ว 

  • กลุ่มวัยรุ่นและผู้อยู่ในวัยทำงานก็ประมาทไม่ได้ โดยเฉพาะหากเป็นผู้ที่ไม่ระวังในการรับประทานอาหาร

“บางคนอาจมีภาวะโรคไตเรื้อรังซ่อนอยู่ก็ได้ ถ้ามีโอกาสก็ควรเข้ารับการตรวจด้วยเช่นกัน ตามปกติแล้วเมื่ออายุมากขึ้น การทำงานของไตก็จะลดลงไปด้วย”

Trial of early chronic kidney disease screening kits
วิธีการใช้งานแถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรัง

คนที่มีค่าไตสูง วิธีการทำให้ไตดีขึ้น คือ…ต้องปรับพฤติกรรม

ผู้ที่ยังไม่เป็นโรคไต การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารเช่นกัน โดยมีข้อแนะนำ คือ

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม เนื่องจากการทานเค็มจะทำให้ไตทำงานมากขึ้นเพื่อขับเกลือออก หากไตไม่สามารถขับเกลือออกได้ก็จะทำให้เกิดภาวะบวม ความดันโลหิตสูง ซึ่งส่งผลให้ไตเกิดภาวะเสื่อมลง”

รศ.ดร.นพ.ณัฐชัย ยกตัวอย่างการรับประทานอาหาร “สำหรับคนปกติที่ต้องการบริโภคน้ำปลา ไม่ควรกินเกิน 3 ช้อนชา หรือ 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน ส่วนน้ำปลาที่มีการโฆษณาว่ามีโซเดียมน้อย ก็ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรังไปแล้ว เพราะน้ำปลาที่โซเดียมต่ำมักจะมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งก็ไม่ดีต่อการทำงานของไตเช่นเดียวกัน จึงควรตรวจสอบด้วยว่าน้ำปลาที่โซเดียมต่ำยี่ห้อนั้นมีโพแทสเซียมต่ำด้วยหรือไม่

  • คนที่ต้องการทานเวย์โปรตีนก็ต้องเลือกชนิดของเวย์โปรตีนด้วย แม้แต่คนทั่วไปถ้าไปกินเวย์โปรตีนมากๆ เกิดเป็นส่วนเกิน ก็จะทำให้ไตทำงานหนักได้เช่นกัน”
Trial of early chronic kidney disease screening kits

สรุป

ปัจจุบัน แถบตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรังในระยะเริ่มต้นอยู่ในขั้นตอนการจดทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งหากสามารถจดทะเบียนผ่านได้ภายในสิ้นปีนี้ ก็มีแนวโน้มที่จะเผยแพร่จำหน่ายเพื่อใช้งานได้ในต้นปีหน้า โดยราคาของแถบตรวจจะอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่สูงไปกว่าราคาของชุดตรวจที่มีอยู่ในท้องตลาด แต่ในอนาคต คณะวิจัยกำลังหาวิธีเพิ่มกำลังการผลิตสารที่ใช้สำหรับตรวจไมโครอัลบูมินในปัสสาวะที่ทำเองได้ในประเทศ เพื่อลดต้นทุนการผลิตซึ่งจะทำให้ราคาแถบตรวจต่ำลง

“นอกจากจะตั้งใจให้ผู้สนใจซื้อชุดตรวจนี้ไปใช้เองที่บ้านแล้ว เราหวังว่าจะมีการนำชุดตรวจนี้เข้าไปอยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนทุกคน รวมถึงคนที่อยู่ต่างจังหวัดหรือพื้นที่ห่างไกลที่อาจจะเป็นโรคไตเรื้อรังแล้วแต่ไม่มีอาการใดๆ สามารถเข้าถึงการตรวจได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาตรวจที่โรงพยาบาล” รศ.ดร.นพ.ณัฐชัย กล่าวทิ้งท้าย

จุฬาฯ มีลักษณะของความเป็นพี่น้อง ความอบอุ่น เป็นสังคมที่อยากอนุรักษ์ไว้

ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับท่าน และเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการเว็บไซต์ที่ตรงต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ได้ที่ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และท่านสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ท่านสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้เว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ ท่านไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า